นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ยอมรับว่าหนักใจกับสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะนี้ แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติ มีการกวดขันให้เข้มงวดขึ้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการดำเนินการที่เข้มงวดมากขึ้นของเจ้าหน้าที่ อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่ให้ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพราะที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเข้มงวดขึ้นแล้วปัญหาเหตุการณ์รุนแรงได้ลดน้อยลง แต่เมื่อใดที่เจ้าหน้าที่เริ่มผ่อนคลายก็กลับกลายเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุ
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในพื้นที่เขตตัวเมืองนั้น ฝ่ายพลเรือนจำเป็นต้องเข้ามาช่วยสอดส่องดูแลด้วย คงจะอาศัยแต่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะต้องวางกำลังปฏิบัติงานอยู่พื้นที่เสี่ยงรอบนอกด้วย เช่น ถนน, สวนยาง เป็นต้น
"พอหย่อนยานลงมาก็เป็นช่องให้เกิดเหตุ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จะหวังพึ่งแต่ตำรวจ ทหารเท่านั้น แต่พลเรือนต้องเข้ามาช่วย จะลอยตัวไม่ได้" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสุเทพ ยืนยันว่า ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนในพื้นที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้วกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพียงแต่ต้องปรับกระบวนการให้เข้มแข็งมากขึ้น และพยายามดูแลปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรงขยายวงมากไปกว่านี้