ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในการออกมาตรการที่ทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินในการนำมาเป็นวัตถุดิบ โดยให้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ หากที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วจะมีการมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมควบคุมแร่ใยหินที่เป็นวัตถุดิบ(ไครโซไทล์)ให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 อย่างเร่งด่วนภายในปี 54 ซึ่งจะห้ามมิให้มีการผลิต, การนำเข้า, การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง รวมทั้งกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับสินค้าที่ใช้สารทดแทนแร่ใยหิน
ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบประสานงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ "การทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน"
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นแกนกลางร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการพัฒนามาตรการควบคุมการรื้อถอน ซ่อมแซม ต่อเติมอาคารหรือวัสดุที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ และกำหนดมาตรการทิ้งขยะแร่ใยหินโดยเฉพาะในกิจการก่อสร้างและการบริการติดตั้ง
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ และให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบและประกาศรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบให้สังคมรับรู้ และพิจารณาออก กฎ ระเบียบ หรือกฎหมาย ที่ควบคุมสินค้าที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง
และให้กระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มภาษีนำเข้าแร่ใยหิน และลดภาษีนำเข้าสารทดแทนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และให้สำนักนายกรัฐมนตรีปรับเพิ่มเกณฑ์เรื่องการก่อสร้างอาคารส่วนราชการ ไม่ให้ใช้วัสดุที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ โดยให้หน่วยงานเกี่ยวข้องปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปี 2554
สำหรับแร่ใยหินเป็นกลุ่มเส้นใยแร่ซิลิเกต อนุภาคสามารถฟุ้งกระจายสู่ปอด ทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ที่เกี่ยวกับปอด เช่น โรคปอดอักเสบจากแอสเบสตอส, โรคมะเร็งปอด, โรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด, มะเร็งเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งในแวดวงนักวิชาการในองค์กรสากลทั่วไปยอมรับว่าแร่ใยหินทุกชนิดเป็นสารก่อมะเร็งในคน และมี 57 ประเทศทั่วโลกได้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินทุกชนิดแล้ว เช่น อังกฤษ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติอีก 5 เรื่อง เพื่อนำเสนอ ครม.พิจารณาและรับทราบต่อไป ได้แก่ การควบคุมกลยุทธ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก, นโยบายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ, นโยบายการสนับสนุนพื้นที่การจัดการตนเองเพื่อสังคมสุขภาวะ, ความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนพิการ และการแก้ปัญหาวัยรุ่นไทยกับการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม
ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบร่างแนวทางการปฏิบัติงานของสถานบริการสาธารณสุข ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ของสถานบริการสาธารณสุข ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการ สาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. .... มาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติฯ