นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ระบุสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องการแสดงให้ประชาชนในพื้นที่เห็นว่ายังมีศักยภาพเพียงพอและเกิดความหวาดกลัวเพื่อหวังสกัดกั้นมวลชนไม่ให้มาสนับสนุนทางการ หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายไปในทางที่ดีจนทำให้ประชาชนหันกลับมาให้ความร่วมมือกับทางการมากขึ้น โดยตนเองได้กำชับให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
"ฝ่ายที่พยายามสร้างสถานการณ์คงแสดงให้เห็นว่ายังมีฤทธิ์มีอิทธิพลในพื้นที่ เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนมาเข้าข้างรัฐบาล" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อช่วงใกล้เที่ยงวานนี้(7 มี.ค.) คนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิดแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส โดยซุกซ่อนระเบิดหนักราว 15 กก.ในรถยนต์กระบะแล้วนำมาจอดไว้ใต้อาคารดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้มีตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย รถยนต์เสียหายกว่า 10 คัน และอาคารถูกเพลิงไหม้
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเองได้โทรศัพท์ประสานกับทางแม่ทัพภาคที่ 4 และรักษาการเลขาธิการ ศบต.อยู่ตลอดเวลา โดยขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างทั่วถึง และรัฐบาลจะพยายามดูแลไม่ปล่อยให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามายึดครองพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต้องอาศัยระยะเวลา เนื่องจากเป็นปัญหาที่สะสมมานาน คงไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลาที่รวดเร็ว