นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่จะมีการเปิดใช้สนามหลวงซึ่งมีกำหนดจะแล้วเสร็จวันที่ 28 เม.ย.54 นั้น กทม.ได้มอบหมายให้สำนักสิ่งแวดล้อมกำหนดหลักเกณฑ์และการอนุญาตใช้พื้นที่สนามหลวงเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ โดยเบื้องต้นได้พิจารณาจัดเทศกิจ 60 นาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 36 นาย ตำรวจ สน.ชนะสงคราม 10 นาย และสารวัตรทหาร
รวมถึงจะมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ โดยติดตั้งซุ้มเจ้าหน้าที่และอาคารควบคุมสัญญาณชั่วคราวซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์โดยรอบพื้นที่สนามหลวง เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่และประชาชน ตลอดจนการป้องกันอาชญากรรมทุกประเภท และการควบคุมฝูงชน นอกจากนี้จะติดตั้งหอกระจายเสียงเพื่อแจ้งข่าวและประกาศเตือนผู้ฝ่าฝืนการเข้าใช้พื้นที่สนามหลวงอีกด้วย
สำหรับปัญหาคนเร่ร่อนโดยรอบสนามหลวงนั้น กทม.ได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาสังคมจัดโครงการบ้านอุ่นอิ่มเพื่อเป็นที่พักให้แก่คนเร่ร่อนกว่า 600 คน ซึ่งปัจจุบันย้ายจากสนามหลวงไปพักบริเวณริมคลองหลอดเป็นการชั่วคราว โดยกทม.จะร่วมกับมูลนิธิต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนดูแลและจัดสวัสดิการให้แก่คนเร่ร่อนให้มีความเป็นอยู่ถูกสุขลักษณะ อีกทั้งในส่วนของการแก้ไขปัญหาผู้ค้าบริเวณโดยรอบสนามหลวงและริมคลองหลอดได้เตรียมจัดโครงการถนนคนเดินตามแผนประชาวิวัฒน์โดยการปรับปรุงพื้นที่คลองหลอดให้เป็นแหล่งทำการค้าที่มีเสน่ห์และสวยงาม
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการออกแบบและติดตั้งรั้วโปร่งใสไฮโดรลิกโดยรอบสนามหลวงเพื่อดูแลความปลอดภัยของพื้นที่ ป้องกันปัญหาอาชญากรรม เฝ้าระวังการบุกรุกจากเหตุชุมนุมทางการเมือง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อพื้นที่ เนื่องจากการปรับปรุงสนามหลวงใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนถึง 180 ล้านบาท ดังนั้นทุกคนทุกภาคส่วนควรได้ใช้ประโยชน์พื้นที่สนามหลวงอย่างเท่าเทียม อย่างไรก็ดี กทม.จะต้องนำเรื่องดังกล่าวขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ฯ ถึงความเหมาะสมในการจัดสร้างต่อไป
พร้อมกันนี้ กทม.ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลสนามหลวงซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินให้สวยงาม และใช้สนามหลวงร่วมกันอย่างดูแลและรับผิดชอบ