ดุสิตโพลเผยคนมองหลังอภิปรายได้รู้ข้อมูลเพิ่ม แต่เชื่อการเมืองยังแตกแยก

ข่าวทั่วไป Sunday March 20, 2011 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเมืองไทย หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยประชาชนมองว่าจุดเด่น 3 อันดับแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ที่ผ่านมา คือ อันดับ 1 ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆมากขึ้น เช่น ราคาสินค้า การทุจริต อันดับ 2 เปิดโอกาสให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้อภิปรายเรื่องต่างๆ ที่เป็นประเด็นสำคัญ อันดับ 3 เป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล กระตุ้นให้รัฐบาลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่จุดบอด 3 อันดับแรกของการอภิปรายฯ ในครั้งนี้ คือ อันดับ 1 การควบคุมอารมณ์ กริยามารยาท การใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน อันดับ 2 การถาม-ตอบ ไม่ตรงประเด็น มุ่งเอาชนะกันมากเกินไป อันดับ 3 ข้อมูลบางเรื่องที่นำมาอภิปรายเป็นเรื่องเดิม ทำให้ไม่น่าสนใจ

ผลการสำรวจยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 63.71% มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฯ ที่ผ่านมาทำให้สภาพการเมืองไทยเป็นเหมือนเดิม เพราะถึงแม้จะมีการอภิปรายเกิดขึ้นแต่นักการเมืองก็ยังคงยึดติดกับความคิด แนวคิดแบบเดิมๆ อยู่ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ฯลฯ

ขณะที่อีก 29.84% มองว่าแย่ลง เพราะจากผลโหวตที่รัฐบาลได้รับอาจเป็นประเด็นทำให้เกิดความขัดแย้งตามมา, พฤติกรรมของนักการเมืองยังคงเหมือนเดิม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าทำเพื่อประเทศชาติ ฯลฯ โดยมีประชาชนเพียง 6.45% ที่บอกว่าดีขึ้น เพราะการอภิปรายชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องและสิ่งที่ควรแก้ไข รัฐบาลสามารถนำข้อมูลมาปรับปรุงในการทำงานได้ ฯลฯ

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 56.84% ตอบว่ามีผล เพราะได้รู้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ได้เห็นพฤติกรรมและความสามารถของนักการเมืองแต่ละคน ฯลฯ ส่วนอีก43.16% ตอบว่าไม่มีผล เพราะมีนักการเมืองหรือพรรคที่ชื่นชอบอยู่แล้ว, รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมืองไทย ไม่อยากจะเลือกใครเลย

ทั้งนี้ 3 อันดับความเห็นที่ประชาชนมองการเมืองไทยหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พบว่า อันดับแรก ยังคงทะเลาะเบาะแว้ง แตกแยกกันเหมือนเดิม ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้ อันดับสอง พรรคการเมืองแต่ละพรรคต่างเตรียมการที่จะเลือกตั้งใหม่/ ลงพื้นที่หาเสียงกับประชาชน และอันดับสาม รัฐบาลก็คงจะประคับประคองและทำงานต่อไปให้ครบวาระ

อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,259 คน ระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม 2554


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ