นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้มีพื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด 80 อำเภอ 536 ตำบล 3,464 หมู่บ้าน ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ และพังงา ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 257,786 ครัวเรือน 716,110 คน
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 11 รายใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 7 ราย พัทลุง 1 ราย สุราษฎร์ธานี 3 ราย
พร้อมเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และที่ลุ่มริมแม่น้ำใน 11 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ระนองสุราษฎร์ธานี พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา พังงา กระบี่ และภูเก็ต โดยเฉพาะนครศรีธรรมราช (อำเภอพิปูน สิชล ลานสกา ฉวาง นบพิตำ พรหมคีรี ร่อนพิบูลย์) ระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น ) ชุมพร (อำเภอเมืองชุมพรพะโต๊ะ ทุ่งตะโก สวี ) สุราษฎร์ธานี (อำเภอไชยา ท่าฉาง วิภาวดี ท่าชนะ บ้านนาสาร เวียงสระ ) พัทลุง (อำเภอศรีบรรพต ศรีนครินทร์กงหรา ตะโหมด ) ตรัง (อำเภอห้วยยอด นาโยง ย่านตาขาว ปะเหลียน ) สตูล (อำเภอทุ่งหว้า มะนังควนกาหลง ) พังงา (อำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ) สงขลา (อำเภอรัตภูมิ นาทวี ) ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในระยะนี้ อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด หากสังเกตพบสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันดินบนภูเขา สัตว์ป่าแตกตื่น มีเสียงดังอื้ออึงจากป่าต้นน้ำ เป็นต้น ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที
ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ โดยหมั่นตรวจวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ให้รีบแจ้งเตือนชาวบ้านอพยพหนีภัยตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็วที่สุด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนตกหนัก สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป