หน่วยงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ของรัฐบาลญี่ปุ่นรับมอบรายงานจากบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโก) ที่ประเมินว่า น้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ ที่รั่วไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมามีปริมาณสูงกว่าข้อกำหนดต่อปีถึง 20,000 เท่า
สำนักงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นได้ตรวจสอบและให้ความเห็นชอบรายงานที่เทปโกยื่นต่อทางสำนักงานฯเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และระบุว่า การรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในทันที เนื่องจากสารกัมมันตรังสีจะเจือจางในน้ำทะเล ขณะที่ทางการได้สั่งห้ามทำการประมงในพื้นที่ใกล้กับโรงไฟฟ้า
นายฮิเดฮิโกะ นิชิยาม่า โฆษกสำนักงานนิวเคลียร์กล่าวว่า ความเข้มข้นของสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลลงสู่ทะเลระหว่างวันที่ 1-6 เมษายนนั้น อยู่สูงกว่าระดับน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในระดับต่ำที่เทปโกระบายลงสู่ทะเลเมื่อวันที่ 4-10 เมษายน ราว 30,000 เท่า
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เทปโกระบายน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ระดับต่ำประมาณ 10,000 ตันลงสู่บ่อกักเก็บน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ระดับสูง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวประมงและประเทศเพื่อนบ้านที่หวาดกลัวเรื่องสารปนเปื้อน
นิชิยาม่ากล่าวในการแถลงข่าวว่า "รัฐบาลเสียใจเป็นอย่างมาก" ต่อการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในระดับสูงและหาทางทำความเข้าใจกับการตัดสินใจเรื่องการระบายน้ำปนเปื้อนของเทปโก โดยระบุว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ "ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้"
เขากล่าวว่า รัฐบาลและเทปโกจะดำเนินการตรวจสอบสารกัมมันตรังสีในทะเลโดยเริ่มทำการตรวจสอบ 9 จุด และสุ่มตัวอย่างดินจากใต้ทะเล นอกจากนี้ โรงงานจะตรวจสอบน้ำบาดาลในบริเวณที่ตั้งของโรงงานด้วย