นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ รมว.กลาโหมได้มีการรายงานสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่เกิดการปะทะกันหลายครั้งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ว่าสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายกัมพูชามากกว่าฝ่ายไทย ขณะที่รมว.ต่างประเทศ ระบุวาปฏิบัติการดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชาเป็นความพยายามของผู้นำกัมพูชาที่จะนำการเมืองภายในกลายเป็นเรื่องนานาชาติ และมีเจตนาเด่นชัด เพราะเป็นการสั่งการโดยตรงจากกรุงพนมเปญ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมาทหารกัมพูชาพยายามรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ไทย และฝ่ายไทยมีการผลักดันโดยแจ้งให้ออกไป จนกระทั่งมีการปะทะกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเสียชีวิตบาดเจ็บ และมีการใช้อาวุธหนักทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายกัมพูชาได้เพิ่มกำลังทหาร ใช้ปืนใหญ่ และรถถัง เช่นเดียวกับฝ่ายไทยที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกันเพื่อแสดงว่าจะตอบโต้อย่างจริงจัง
รมว.กลาโหม รายงานกับ ครม.ว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยมีความแม่นยำในการปฏิบัติการได้ดีกว่า ทำให้ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกัมพูชาแม้ว่าจะมีการใช้กำลังอย่างต่อเนื่อง แต่อาวุธที่ใช้ไม่มีระบบรนำวิถี ทำให้การยิงกระจัดกระจายสะเปะสะปะ บางครั้งอาวุธก็มาตกใกล้กับ รพ.พนมดงรัก
ทั้งนี้ จากที่มีการประทะกันจนกระทั่งถึงเมื่อคืนนี้ ก็ยังมีการประชิดชายแดนกันอยู่ ซึ่งการปะทะกันวันที่ 24 เม.ย.ฝ่ายไทยสามารถยึดอาวุธฝายกัมพูชาได้จำนวนหนึ่ง และการปะทะเมื่อคืนนี้ได้ยุติลงเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.และทางฝ่ายทหารไทยเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 27 นาย แต่ทราบว่าฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และนายทหารระดับรองผู้บัญชาการเสียชีวิตด้วย ส่วนผู้อพยพที่เป็นประชาชนชาวไทยมีจำนวน 3 หมื่นคน
"ทางกองทัพบกให้ความมั่นใจว่าจะรักษาอธิปไตยไม่ยอมให้สูญเสียพื้นที่แม้สักตารางนิ้วเดียว และจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายให้เร็วที่สุด"นายศุภชัย กล่าว
ด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ รายงานว่าได้มีการชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อประชาคมโลกแล้ว และเชื่อว่าทางกัมพูชาพยายามเลี่ยงเจรจาระดับทวิภาคี แต่ต้องการดึงนานาชาติให้เข้ามาร่วม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นผู้นำกัมพูชาทำให้การเมืองภายในกลายเป็นเรื่องนานาชาติ ซึ่งในวันที่ 28 เม.ย.นี้ รมว.ต่างประเทศจะพบกับประธานอาเซียนก็จะมีการชี้แจงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการสั่งการมาจากกรุงพนมเปญมีเจตนาเด่นชัด สิ่งที่รัฐบาลไทยพยายามทำให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องความขัดแย้งในระดับพื้นที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระดับประเทศ