พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้(27 เม.ย.) เวลาประมาณ 20.00 -21.00 น.ทหารไทยและกัมพูชาได้ยิงปะทะกันบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ต่อเนื่องจนถึงเวลา 24.00 น. และยังมีเสียงปืนดังอีกเป็นระลอกในเวลาประมาณ 02.00 น.หลังจากนั้นสถานการณ์เริ่มรุนแรงช่วง 04.00 น.เนื่องจากทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังพลพร้อมอาวุธหนักระดมยิงใส่ทหารไทย เพื่อหวังรุกเข้ายึดฐานที่มั่นทางปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย ขณะที่กองกำลังฝั่งไทยได้สนธิกำลังตอบโต้อย่างหนัก และสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกไปได้สำเร็จ จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเช้าประมาณ 06.00 น. เศษ
จากเหตุปะทะครั้งนี้ส่งผลให้นายทหารยศ ร.ต.ตำแหน่งผู้บังคับหมวดกองกำลังในพื้นที่เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย ทำให้มีทหารเสียชีวิตแล้ว 6 นาย ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนในขณะนี้
โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การปะทะครั้งล่าสุดเป็นที่สังเกตว่าคงมาจากกรณีที่ผู้ใหญ่และผู้บัญชาทหารระดับสูงของฝ่ายกัมพูชาออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่ากัมพูชาสามารถเข้ายึดปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธมได้หมดแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะทหารไทยไม่ยอมให้ทหารกัมพูชาเข้ามายึดปราสาททั้ง 2 แห่งซึ่งเป็นของไทยอย่างเด็ดขาด และได้พยายามรักษาไว้อย่างสุดความสามารถ ฝ่ายกัมพูชาจึงอยู่ในขั้นพยายามบุกเข้ามายึดพื้นที่ปราสาททั้ง 2 แห่งนี้จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงดังกล่าว
"ทหารไทยยังยืนยันแนวปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและผู้บังคับบัญชา คือจะไม่รุกรานหรือเปิดฉากยิงก่อน แต่จะรักษาที่มั่นและตอบโต้อย่างเต็มที่โดยไม่ยอมกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยเด็ดขาด และพร้อมที่จะขยายการควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควายและตาเมือนธม หากได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชาและรัฐบาล" พ.อ.ประวิทย์ กล่าว
ขณะที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตอนนี้ทางกัมพูชาได้เสริมกำลังพลเต็มแนวชายแดน โดยมีรองผู้บัญชาการทหารบกมาสั่งการด้วยตัวเอง ส่วน พล.ท.ฮุนมาเน็ต ลูกชายของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เดินทางมาเป็นครั้งคราว