นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปรับแผนปฏิบัติงานโดยยกระดับฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และปรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรีเป็นฐานเติมสารฝนหลวง เพื่อให้การช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภาวะภัยแล้งได้ครอบคลุมมากขึ้น
สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงในระหว่างวันที่ 29 เมษายน ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 54 มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดเชียงใหม่ หน่วยฯ จังหวัดพิษณุโลก หน่วยฯ จังหวัดนครสวรรค์ หน่วยฯ จังหวัดกาญจนบุรี หน่วยฯ จังหวัดอุบลราชธานี หน่วยฯ จังหวัดนครราชสีมา หน่วยฯ จังหวัดขอนแก่น หน่วยฯ จังหวัดระยอง หน่วยฯ จังหวัดจันทบุรี และหน่วยฯ อำเภอหัวหิน
พร้อมทั้งตั้งฐานเติมสารฝนหลวง 3 ฐาน ได้แก่ ฐานฯ จังหวัดสระแก้ว ฐานฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และฐานฯ จังหวัดราชบุรี
ส่วนผลการปฏิบัติการฝนหลวงซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 54 มีการขึ้นปฏิบัติการรวม 82 วัน จำนวน 1,545 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตกในการปฏิบัติการฝนหลวง รวมทั้งสิ้น 76 วัน วัดปริมาณน้ำฝนรายวันสูงสุดที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้ 442.2 มิลลิเมตร และมีจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 52 จังหวัด โดยมีเครื่องบินปฏิบัติงานทั้งหมด 23 เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องบิน Casa จำนวน 9 เครื่อง เครื่องบิน Caravan จำนวน 8 เครื่อง เครื่องบิน Porter 2 เครื่อง เครื่องบิน CN 235 จำนวน 1 เครื่อง เครื่องบิน BT-67 จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องบิน AU-23 จำนวน 2 เครื่อง
จังหวัดที่ขอรับบริการฝนหลวงตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 54 ที่ผ่านมา มีผู้ขอรับบริการฝนหลวง ทั้งจากหนังสือขอรับบริการฝนหลวงและการขอฝนหลวงผ่านเว็บไซต์สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง จังหวัดพะเยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ และจังหวัดราชบุรี