นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทยเผยว่า สาเหตุที่ทำให้การเจรจาครั้งแรกหาข้อยุติไม่ได้ เนื่องจากกัมพูชาไม่ยอมรับร่างข้อตกลงที่ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกร่างขึ้นให้พิจารณาในการเลื่อนพิจารณาแผนบริหารจัดการออกไปเป็นปีหน้า ทั้งยังขอเข้าไปบูรณะปราสาทพระวิหารด้วย ซึ่งไทยไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน เพราะเกรงจะรุกล้ำอธิปไตยไทย ดังนั้นผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกจึงให้ทั้ง 2 ฝ่ายไปเจรจากันอีกครั้งก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจะเริ่มขึ้น
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า หลังการหารือทวิภาคีกับยูเนสโกแล้ว คณะผู้แทนไทยส่วนหนึ่งกำลังเดินทางไปยังกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อไปให้ข้อมูลครั้งแรกต่อศาลโลก ตามที่กัมพูชาร้องขอให้ตีความคำพิพากษาในพ.ศ. 2505 ที่ให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา โดยกัมพูชาต้องการให้ศาลโลกระบุขอบเขตของประสาทพระวิหาร อีกทั้งยังขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ไทยถอนกองกำลังทุกหน่วยออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตแดนของกัมพูชา
โดยกระบวนการรับฟังข้อมูลของศาลโลกจากทั้ง 2 ฝ่ายจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.ถึง 1 ก.ค. ซึ่งในส่วนของไทย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะเข้าชี้แจงต่อศาลโลกในวันที่ 30-31 พ.ค.นี้ โดยจะยืนยันต่อศาลโลกว่าไม่ได้รุกล้ำดินแดนกัมพูชา และไม่ยึดแผนที่ของฝรั่งเศส ดังนั้นไทยจะไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่ ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชาได้ตั้งผู้พิพากษาเฉพาะกิจ เป็นชาวฝรั่งเศสฝ่ายละ 1 คน รวมกับผู้พิพากษาประจำที่ศาลโลกอีก 15 คน เพื่อพิจารณาตีความตามที่กัมพูชายื่นเรื่องมายังศาลโลก.