นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า เชื่อว่า คนจะหันมาบริโภคไข่ไก่มากขึ้น หลังจากกรณีมีข่าวไก่ตายแช่สารฟอร์มาลีนและข่าวเชื้ออี.โคไลในผักสดนำเข้าด้วย แต่คงไม่ทำให้ปริมาณความต้องการบริโภคไข่ไก่สูงจนทำให้ผลผลิตขาดตลาด และราคาไข่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะนี้ราคาคละหน้าฟาร์มยังอยู่ที่ 2.80 บาท/ฟอง ตามนโยบายของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
"ข่าวไก่ตายแช่สารฟอร์มาลีน ไม่กระทบการบริโภคไก่ไข่ ตรงกันข้ามกลับได้รับอานิสงค์ทำให้คนหันมาบริโภคไข่ไก่มากขึ้น เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้ไข่จะขายดี ยอมรับว่าข่าวเกี่ยวกับอาหารประเภทอื่นๆ เช่น ไก่เนื้อแช่ฟอร์มาลีน เชื้ออี.โคไลในผักสดนำเข้า อาจจะทำให้คนหันมาบริโภคไข่ไก่มากขึ้น แต่คงไม่ทำให้ปริมาณความต้องการมากเสียจนทำให้ผลผลิตขาดตลาด และราคาไข่ปรับตัวสูงขึ้น โดยขณะนี้ราคาคละหน้าฟาร์มยังอยู่ที่ 2.80 บาท/ฟองตามนโยบายของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์"นายมาโนช กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้คนตื่ตระหนกกับข่าวไก่ชำแหละแช่ฟอร์มาลีนนี้มากจนเกินไปนัก เพราะไก่ที่เป็นข่าวเป็นไก่เนื้อและเป็นการลักลอบกระทำของคนที่เห็นแก่ได้ ที่สำคัญเป็นโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงแนะนำให้ประชาชนเลือกบริโภคไก่สด ไก่ชำแหละที่ได้มาตรฐานระบบฟาร์มปิด ส่วนผักสดที่มีข่าวส่วนใหญ่เป็นผักนำเข้าจากประเทศทางยุโรป ซึ่งประเทศไทยมีผักสดที่ถูกหลักอนามัยและคุณค่าทางโภชนการอีกมาก
นายมาโนช กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ราคาไข่ไก่ ในขณะนี้ยังอยู่ในภาวะปกติ แต่ยอมรับว่ามีปัจจัยเรื่องสภาพอากาศแปรปรวนที่อาจจะส่งผลต่อการผลิต นอกจากนี้อาหารสัตว์บางชนิดยังแพงอยู่
อย่างไรก็ตาม ขอให้อย่ามีอะไรผันแปร ถ้าราคาจะขึ้นจะลงก็ให้เป็นไปตามปกติของกลไกตลาด ภาวะการเลี้ยงถ้าไม่มีโรคทำให้เสียหายเราก็ยอมรับได้ แต่ถ้ามีโรคระบาด หรือตลาดที่รัฐบาลมาพูดหรือทำอะไรให้กระทบราคาอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ คาดการณ์ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ปีนี้ ไข่ไก่น่าจะมากที่สุดในช่วงพ.ย.-ธ.ค.54 จะอยู่ที่ 28-30 ล้านฟอง สูงขึ้นจาก 24-26 ล้านฟองในปี 53 ขณะที่ความต้องการบริโภคน่าจะอยู่ที่ประมาณ 160 ฟอง/คน/ปี
"ณ ขณะนี้ เราพยายามสวดมนต์ขอพรพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่าปัจจัยลบทั้งหลายอย่ามาแทรกซ้อนเราเลย เพราะตอนนี้เราก็มีปัญหาเรื่องต้นทุน เรื่องการขาดทุนอยู่แล้ว"นายมาโนช กล่าว