ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโดห์โยโน ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียจะใช้บทเรียนจากวิกฤตนิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ ในการพิจารณานโยบายพลังงานในอนาคต เนื่องจากอินโดนีเซียประสบกับภัยธรรมชาติบ่อย
ปธน.อินโดนีเซียกล่าวปราศรัยที่ National Graduate Institute for Policy Studies ในกรุงโตเกียวว่า อินโดนีเซียได้รับบทเรียนมากมายจากวิกฤตฟูกุชิม่า เนื่องจากอินโดนีเซียเองก็เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ และภูเขาไฟระเบิด
"ในมุมมองของผม การเลือกใช้พลังงานประเภทใดก็ตามต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย" นายยุดโดห์โยโนกล่าวถึงพลังงานประเภทต่างๆ ทั้งน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน นิวเคลียร์ รวมถึงพลังงานทดแทนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ "ในอินโดนีเซีย เราสามารถเลือกใช้ทรัพยากรในอนาคตได้อย่างชาญฉลาดและถูกต้อง"
รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณาว่าจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2540 เพื่อรองรับอุปสงค์พลังงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวอย่างมาก โดยตั้งเป้าว่าจะเริ่มเปิดใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกในปี 2562 แต่แผนดังกล่าวถูกระงับเพราะประชาชนในท้องถิ่นและกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมชุมนุมต่อต้าน
นายยุดโดห์โยโนกล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของการเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้คือ การมาให้กำลังใจ แสดงความเข้าอกเข้าใจ และยกย่องชาวญี่ปุ่น ในสถานการณ์ที่มืดมนหลังเกิดวิกฤตสึนามิ
"เราชาวอินโดนีเซียเข้าใจดีว่าชาวญี่ปุ่นรู้สึกอย่างไร" ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวถึงเหตุการณ์ที่อินโดนีเซียเคยถูกสึนามิถล่มเมื่อปี 2547 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 230,000 คนในอินโดนีเซียและอีกประเทศอื่นอีก 10 ประเทศ
ขณะเดียวกันเขาเรียกร้องให้มีการสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาคเพื่อรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ โดยกล่าวว่า "เราเผชิญกับสถานการณ์คล้ายๆกัน ดังนั้นเราจึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ของเรากับบรรดาประเทศพันธมิตร เราหวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มองค์ความรู้ ซึ่งประเทศอื่นสามารถนำไปเป็นบทเรียนได้ต่อไป" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน