สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า การก่อสร้างฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม จะมีมูลค่าประมาณ 16.9 ล้านล้านเยน โดยตัวเลขนี้ยังไม่รวมความเสียหายจากวิกฤตนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นตามมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า มูลค่าดังกล่าวสูงกว่ามูลค่าความเสียหายที่ราว 9.6 ล้านล้านเยนของเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ (Great Hanshin) เมื่อปี 2538 อยู่ประมาณ 1.8 เท่า ขณะที่นักสังเกตการณ์กล่าวว่า ตัวเลขค่าเสียหายจะสูงกว่านี้มาก หากรวมกับผลกระทบของเหตุกัมมันตรังสีรั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ ซึ่งจุดปะทุความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและสภาวะการคลังของประเทศ
การประเมินดังกล่าวตั้งอยู่บนการรับฟังข้อมูลจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องและ 9 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ และแม่นยำกว่ามูลค่าความเสียหาย 16 - 25 ล้านล้านเยนที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประเมินไว้เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวจะสะท้อนในงบประมาณพิเศษงวดที่ 3 สำหรับปีงบประมาณ 2554 ซึ่งรัฐบาลจะรวบรวมเพื่อไว้เป็นทุนสำหรับงานก่อสร้างฟื้นฟู
ตัวเลขที่ได้รับการประเมินล่าสุดนี้ แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารต่างๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย ร้านค้า และสถานประกอบการ ประมาณ 10.4 ล้านล้านเยน และอีกราว 2.2 ล้านเยนจะเป็นค่าซ่อมแซมโครงสร้างทางสังคม อาทิ ถนน และ ท่าเรือ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เพิ่มโบนัสพิเศษสำหรับสมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเองที่มีส่วนร่วมกับปฏิบัติการต่อต้านวิกฤตอันตรายที่หรือใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฟูกุชิม่า โดยเพิ่มขึ้นเป็น 42,000 เยนต่อวัน จากปกติที่ 3,240 เยน
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเทน้ำจากเฮลิคอปเตอร์และฉีดน้ำเข้าใส่เตาปฏิกรณ์ที่มีปัญหาในช่วงวันแรกๆของวิกฤตการณ์นิวเคลียร์นั้น จะได้รับโบนัสจำนวนสูงสุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกส่งไปปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัยจะได้รับสวัสดิการเพิ่มสองเท่าจากเดิม 1,620 เยน