พธม.ค้านไทยถอนทหารตามมติศาลโลก จี้รัฐบาลแถลงท่าทีอย่างเป็นทางการ

ข่าวทั่วไป Monday July 18, 2011 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงมติของศาลโลกที่มีคำสั่งให้ทหารของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทว่า การที่ศาลตัดสินเช่นนี้เหมือนกับเป็นการคุ้มครองชั่วคราวตามที่กัมพูชาร้องขอ แต่ได้เพิ่มอีก 1 ข้อ คือให้ทหารกัมพูชาถอนทหารด้วย

ทั้งนี้ แม้หลายฝ่ายจะบอกว่าเป็นเรื่องดีที่ให้พื้นที่พิพาทปลอดกำลังทหารจากทั้ง 2 ฝ่าย แต่ปัจจุบันจะพบว่ามีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งเท่ากับการถอนทหารทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ได้ให้ทหารไทยไปผลักดันพลเรือนกัมพูชาออกจากพื้นที่ โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่สามารถทำอะไรได้แต่จะต้องรอจนกว่าจะมีคำพิพากษาจากศาลโลกว่าพื้นที่รอบปราสาทนั้นเป็นของกัมพูชาหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปี โดยในระหว่างนี้พลเรือนกัมพูชาสามารถทำอะไรก็ได้หรือนักท่องเที่ยวที่มาจากกัมพูชาก็สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้ ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกนั้น โฆษกพันธมิตรฯ เห็นว่า ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาเองต่างคาดหวังศาลโลกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยที่ฝั่งกัมพูชาหวังว่าจะได้รับการคุ้มครองชั่วคราวและเป็นไปในลักษณะที่ไม่มีทหารไทยไปขัดขวางหรือผลักดันชุมชนของจากแผ่นดินไทย และเมื่อไทยไม่สามารถผลักดันได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปปฏิบัติตามคำคุ้มครองเพราะฝ่ายไทยเคยไปชี้แจงไว้แล้วว่า ศาลโลกไม่มีอำนาจในการพิจารณาคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งฝ่ายไทยก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ปฏิบัติตาม

ทั้งนี้นายสมปอง สุจริตกุล อดีตทนายความต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารปี 2505 เคยกล่าวไว้ว่า ในกรณีนี้เป็นกรณีใหม่ซึ่งเกิดขึ้นโดยศาลโลกเองจึงไม่มีอำนาจในการบังคับให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตาม เพราะฝ่ายไทยไม่ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับอำนาจศาลโลก นับตั้งแต่คดีปราสาทพระวิหาร เพราะฉะนั้นจึงเชื่อว่าถ้าจะดำเนินการต่อไป ฝ่ายไทยจะเสียประโยชน์มากกว่า นายปานเทพ ไม่เห็นด้วยหากไทยจะถอนทหารออกมา ซึ่งจะเป็นการยืนยันได้ว่าอธิปไตยของไทยอยู่ภายใต้อำนาจของศาลโลกในขณะที่เราไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2505 เราจึงไม่ควรที่จะไปดำเนินการตาม

"การถอนกำลังก็เท่ากับว่าเราเสียเปรียบและจะถลำลึกมากไปกว่านี้ ส่วนฝั่งกัมพูชาก็ถือว่าได้กำไรจากพื้นที่ที่ไม่เคยเป็นของเขามาก่อน ถ้าเล่นเกมหมากฮอสก็ถือว่าเข้าฮอสแล้ว ซึ่งจะมีผลต่อคำพิพากษาพื้นที่ปราสาท โดยจะขยายเดิมของคำพิพากษาในปี 2505 ที่ตัดสินเฉพาะตัวปราสาท ซึ่งสถานการณ์นับจากนี้ ฝ่ายไทยก็จะต้องเลือกระหว่างยอมรับอำนาจศาลโลกกับไม่ยอมรับอำนาจ" นายปานเทพ กล่าว

พร้อมระบุว่า ไทยจะต้องออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ และหากไทยยอมรับอำนาจศาลโลกก็จะกลับไปสู่สถานการณ์เดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ