นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โฟนอินมาที่กระทรวงการต่างประเทศถึงกรณีที่ศาลอาญายุติธรรมระหว่างประเทศมีคำสั่งให้ไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อนโดยระบุว่า คำสั่งของศาลโลกวันนี้ถือเป็นการออกมาตรการชั่วคราวที่ไม่ได้เจาะจงใช้บังคับกับไทยเพียงฝ่ายเดียว แต่ใช้บังคับกับฝ่ายกัมพูชาด้วยที่ต้องให้ถอนทหารออกจากพื้นที่ปลอดทหาร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร และรอบวัดแก้วสิขาคีรีสวร
อย่างไรก็ดี ได้อนุญาตให้กัมพูชาสามารถเข้าออกบริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อส่งกำลังบำรุงให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ดูแลปราสาทพระวิหารได้ หรืออาจให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้ รวมทั้งให้คณะผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียสามารถเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวได้ ทั้งนี้ศาลได้ขอให้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวตามคำสั่งของศาลโลกด้วย
ส่วนความกังวลว่ากัมพูชาจะใช้ทหารเข้าไปแฝงตัวเป็นพลเรือนในการเข้าไปทำหน้าที่ดูแลปราสาทพระวิหารนั้น นายกษิต กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้เกียรติกัมพูชาในการพิสูจน์ตัวเอง เพราะมีทั้งองค์การสหประชาชาติ และศาลโลกคอยจับตาดูอยู่ ซึ่งกัมพูชาคงไม่อยากให้เสียภาพลักษณ์ในเรื่องนี้
นายกษิต กล่าวด้วยว่า จากมติของศาลโลกวันนี้ไม่ได้มีการหยิบยกแผนที่ 1:200,000 ขึ้นมาพูดถึง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับกรณีเขตแดน หรืออธิปไตยของไทยแต่อย่างใด
สำหรับต่อจากนี้จะยึดแนวทางเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี ทั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) และ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และดึงกัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจา