ชาวนอร์เวย์จำนวนมาก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล กษัตริย์ฮารอลด์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีซอนญาแห่งนอร์เวย์ ได้พร้อมใจกันร่วมพิธีไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต 93 คนจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดอาคารหลายแห่งกลางกรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ และเหตุการณ์กราดยิงที่ค่ายยุวชนบนเกาะอูโทยา ซึ่งพิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่มหาวิหารออสโล
ชาวนอร์เวย์จำนวนมากนำดอกไม้มาวาง และจุดเทียนเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งรวมถึงอาคารหลายแห่งที่เป็นสถานที่ราชการ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในนอร์เวย์นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ รัฐบาลนอร์เวย์ยังประกาศให้ลดธงชาติลงครึ่งเสา เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ด้วย
เหตุก่อการร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อคนร้ายได้ลอบวางระเบิดอาคารหลายแห่งซึ่งเป็นสถานที่ราชการของรัฐบาลนอร์เวย์ และหลังจากนั้นเพียง 2 ชั่วโมงก็มีคนร้ายปลอมตัวเป็นตำรวจแล้วใช้ปืนกราดยิงผู้บริสุทธิ์ในค่ายยุวชนที่เกาะอูโทยา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ตัวค้นร้ายเอาไว้ได้ ชื่อนายอันเดส เบห์ริง เบรวิค อายุ 32 ปี
ผู้นำทั่วโลกได้ออกมาประณามผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายในนอร์เวย์ โดยนายบัน คีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อนายกรัฐมนตรีเจนส์ สโตลเทนเบิร์ก ของนอร์เวย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในคณะรัฐบาลและประชาชนของนอร์เวย์ พร้อมกับประณามการกระทำอันเหี้ยมโหดในครั้งนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ก็ส่งสาส์สแสดงความเสียใจต่อนอร์เวย์เช่นกัน พร้อมกับเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกันยับยั้งเหตุการณ์ก่อการร้าย
ด้านนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถอดทนกับเหตุการณ์รุนแรงได้อีกต่อไป และกล่าวว่าผู้ที่ก่อเหตุวินาศกรรมในนอร์เวย์ครั้งนี้ไม่สมควรได้รับการอภัย นอกจากนี้ นายหม่า จ้าวซู โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน, นางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และรัฐบาลสหรัฐเอมิเรตส์ ได้ออกมาประมาณเหตุการณ์โจมตีที่นอร์เวย์เช่นกัน