7องค์กรกษตรเสนอชะลอบังคับใช้กฎกระทรวงฯจนกว่าแก้พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช

ข่าวทั่วไป Monday August 15, 2011 12:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพาโชค พงษ์พานิช นายกสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย กล่าวว่า 7 สมาคมและเครือข่ายเกษตรกร ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ลงมาแก้ไขปัญหา พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืชปี พ.ศ. 2542 อย่างเร่งด่วน ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว และที่สำคัญคือ ผลักดันให้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ซึ่งเป็นต้นน้ำของคุณภาพและนวัตกรรมการเกษตร ตลอดจนอุตสาหกรรมอาหารอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ภาครัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนและห่วงโซ่การเกษตรขจัดอุปสรรค และนำพาเมล็ดพันธุ์อันเป็นต้นน้ำของการเพิ่มผลผลิตการเกษตรและการพัฒนานวัตกรรมที่ดีสู่วงการเกษตรประเทศไทย ให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ยืนอยู่ได้ และสร้างคุณภาพมูลค่าเพิ่มให้พืชผลการเกษตรของไทยซึ่งจะมีประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับวงจรเกษตรกรรม อีกทั้งยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นครัวของโลกที่มีคุณภาพและปลอดภัย ทางออกที่ดีที่สุดและเป็นสากลในด้านกฎหมาย ต้องแยกกฎหมายของแต่ละวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ระหว่างการค้นคว้าวิจัย การอนุรักษ์พืชป่า และพันธุ์พืชท้องถิ่นดั้งเดิม

ดังนั้น 7 สมาคมและเครือข่ายเกษตรกร จึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากผลกระทบของ พรบ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 นี้ โดยได้ยื่นข้อเสนอแก่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ชะลอการบังคับใช้กฎกระทรวงฯ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปหรือพันธุ์พืชป่า เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลองหรือวิจัย เพื่อประโยชน์ทางการค้า และการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ออกไปก่อน จนกว่า พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช จะได้รับการแก้ไข เนื่องจาก พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช กำลังอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขคำจำกัดความของพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณา

องค์กรเกษตร 7 สมาคมและเครือข่ายเกษตรของไทย ประกอบด้วย สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย (THASTA) โดยนายพาโชค พงษ์พานิช, สมาคมปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย, สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ส่งออกดอกกล้วยไม้ไทย,สมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร

สำหรับแนวโน้มตลาดเมล็ดพันธุ์ในครึ่งปีหลัง ของปี 2554 จากการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สาขาพืช จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 6.5 — 7.5 โดยคาดว่าสถานการณ์การผลิต ข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะมีทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับการส่งออกเมล็ดพันธุ์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้คาดการณ์ว่าราคาผลผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก เนื่องจากสภาวะภูมิอากาศโลกที่แปรปรวน และ น้ำท่วม อาจส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ผลผลิตไม่พอกับความต้องการบริโภคในแต่ละประเทศและราคาจะปรับตัวตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ