นางเจเนต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ประกาศมาตรการใหม่เพื่อป้องกันการก่อการร้าย โดยเรียกร้องให้ประชาชนเพิ่มการระวังภัย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการคุกคามของผู้ก่อการร้าย ก่อนที่จะครบรอบเหตุการณ์ 9/11 ในเดือนหน้า
นางนาโปลิตาโนได้ประกาศขยายโครงการรณรงค์ “ถ้าเห็น โปรดแจ้ง" เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนรายงานพฤติกรรมน่าสงสัย โดยมีการออกโฆษณาใหม่ๆมากมายทางโทรทัศน์ วิทยุ รวมทั้งประกาศตามอาคารและงานอีเวนท์สาธารณะต่างๆด้วย
นางนาโปลิตาโนกล่าวในระหว่างร่วมงานที่สภาหอการค้าสหรัฐอเมริกาว่า วัตถุประสงค์ของโครงการคือเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีรายย่อยซึ่งตรวจจับได้ยากมากกว่าการโจมตีครั้งใหญ่
“ตอนนี้สิ่งที่เรามองเห็นคือ แผนการเล็กๆ มีผู้ร่วมขบวนการเพียงไม่กี่คน จึงสกัดกั้นได้ยากกว่าเดิมมาก นอกจากนี้เรายังเห็นว่ามีการลงมือปฏิบัติโดยคนที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้และลงมือเพียงคนเดียวมากขึ้นด้วย การโจมตีลักษณะนั้นป้องกันยากที่สุด เพราะไม่มีอะไรให้เข้าไปสกัดไว้ได้เลย" สำนักข่าวซินหัวรายงานคำกล่าวของรมว.สหรัฐ
คำกล่าวของนางนาโปลิตาโนเป็นการสะท้อนถ้อยแถลงของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ได้ออกมาเตือนเช่นเดียวกันว่า ให้ระวังการก่อการร้ายที่ลงมือโดยคนเพียงคนเดียว “สถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เราจะต้องป้องกันในตอนนี้เลยก็คือ การปฏิบัติภารกิจเพียงลำพังมากกว่าที่จะเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายกลุ่มใหญ่ที่ประสานงานกันอย่างดี"
โอบามาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า การโจมตีดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนอร์เวย์เมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อชาย 1 คนสังหารประชาชนเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน สภาหอการค้าได้เรียกร้องให้สมาชิกทุกคนใช้โครงการ “ถ้าเห็น โปรดแจ้ง" ให้เป็นประโยชน์
“สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมั่นคงมีความสำคัญต่อการบริหารทุกๆธุรกิจในสหรัฐอเมริกา" นายทอม ริดจ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการ DHS ซึ่งเข้าร่วมงานเดียวกันนี้ที่สภาหอการค้ากล่าว “ธุรกิจต่างๆล้วนมีส่วนในเรื่องนี้ เมื่อพูดถึงการปกป้องแผ่นดินแล้วหละก็ ภาคเอกชนถือเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งรัฐบาลกลาง รัฐบาลระดับรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น"