นายธาตรี ริ้วเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. ได้ร่วมกับกรมชลประทานติดตามสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนและปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเหนืออ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พบว่าระดับน้ำสูงกว่าปีที่ผ่านๆ มา ในขณะที่แนวโน้มยังคงสูงขึ้นต่อไปจนถึงเดือนกันยายนที่คาดว่าหากมีความจำเป็นอาจต้องมีการเปิดประตูระบายน้ำล้น (Spill Way)
อย่างไรก็ตามคณะ กรรมการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ ได้กำหนดแผนการระบายน้ำให้ กฟผ. ปล่อยน้ำเพื่อชลประทานอย่างเต็มที่เพื่อพร่องน้ำในอ่างไว้รอรับปริมาณน้ำที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กฟผ. และ กรมชลประทานจะมีการประเมินสถานการณ์รายวัน ทั้งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ระดับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ส่วนเขื่อนภูมิพล ขณะนี้ได้ปล่อยน้ำเพื่อชลประทานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ยังรักษาระดับน้ำไว้ได้ แต่เนื่องจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบกับพื้นที่บนดอยเหนืออ่างเก็บน้ำบ้างเล็กน้อย ซึ่ง กฟผ.ได้เตรียมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์แล้ว หากเกิดผลกระทบกับประชาชนจะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ของ กฟผ.ล่าสุด สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล มีระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 247 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) จากระดับกักเก็บสูงสุด 260 ม.รทก.โดยมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 9,777 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือ คิดเป็นร้อยละ 73 สามารถรับน้ำได้อีก 3,685 ล้าน ลบ.ม.หรือ ร้อยละ 27 โดยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำได้กำหนดแผนระบายน้ำ วันละ 34 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าในอ่างเก็บน้ำ ประมาณวันละ 70 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนสิริกิติ์ขณะนี้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน 157 ม.รทก. จากระดับกักเก็บสูงสุด 162 ม.รทก. มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 8,413 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 88 สามารถรับน้ำได้อีก 1,097 ล้าน ลบ.ม. หรือ ร้อยละ 12 คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจึงกำหนดแผนการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ วันละ 60 ล้าน ลบ.ม. ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้าในอ่างเก็บน้ำ ประมาณ วันละ 92 ล้าน ลบ.ม.