ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม มีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดี กรณีที่นายสนธิญา สวัสดี(ผู้ฟ้องคดี) แกนนำกลุ่มต่อต้านถ่านหินใน จ.สมุทรสาคร ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร(ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร โดยให้ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ดูแลไม่ให้มีการขนถ่ายถ่านหินครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด
"จึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดี(ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร) ควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยราชการอย่างเคร่งครัด มิให้มีการขนถ่ายถ่านหินที่บรรทุกทางเรือผ่านแม่น้ำท่าจีนเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น" คำสั่งศาลปกครองกลาง ระบุ
ผู้ฟ้องคดีได้ขอให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าวจนกว่าจะมีการตรวจสอบและพิสูจน์คุณภาพน้ำในแม่น้ำท่าจีนโดยทางวิทยาศาสตร์แล้วเสร็จภายใน 21 วัน ซึ่งหลังจากศาลนัดไต่สวนคู่กรณีแล้วเห็นว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารงาน เนื่องจากปัจจุบันผู้ว่าฯ สมุทรสาครได้มีมาตรการระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณีอยู่แล้ว
ด้านนายสนธิญา กล่าวว่า วันที่ 26 ส.ค.นี้ จะยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ให้ตรวจสอบโรงงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดว่ามีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในปริมาณเท่าใด และควันจากเถ้าถ่านหินจากโรงงานมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหรือไม่ เนื่องจากมีข้อมูลของอุตสาหกรรมจังหวัดระบุว่า ใน จ.สมุทรสาคร มีโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 4,000 แห่ง ในจำนวนดังกล่าวมีโรงงานที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง 162 แห่ง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุว่าโรงงานเหล่านี้มีกระบวนการกำจัดกากถ่านหินหรือนำไปทำลายที่ไหน ซึ่งหากทางผู้ว่าฯ ยังไม่มีคำตอบ ก็จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองอีกคดีหนึ่ง