รมว.สาธารณสุข(สธ.) เตรียมเร่งส่งเสริมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกไว้ในระบบบริการของโรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับ 10,851 แห่งทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าปี 55 ให้บริการได้ 12 ล้านครั้ง และใช้สมุนไพรทดแทนยาแผนตะวันตกปีละกว่า 5,000 ล้านบาท
" ตั้งเป้าในปี 2555 จะให้บริการให้ได้12 ล้านครั้ง และส่งเสริมให้โรงพยาบาลต่างๆ ใช้ยาแผนไทยในบัญชียาหลักแห่งชาติจำนวน 71 รายการ เพื่อทดแทนและลดการใช้ยาแผนตะวันตกให้ได้ปีละกว่า 5,000ล้านบาท หรือประมาณ 1 ใน 20 ของมูลค่าการใช้ยาทั้งหมด" นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ.กล่าว
นโยบายส่งเสริมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค การดูแลและบำบัดรักษาสุขภาพเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคไมเกรน รวมทั้งผู้สูงอายุและผู้พิการ ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เนื่องจากมีทั้งหมอพื้นบ้านที่มีประสบการณ์หลากหลาย และหมอแผนไทยประยุกต์รุ่นใหม่เป็นกำลังคนด้านสุขภาพอีกกว่า 50,000 คน จะทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ควบคู่กับการแพทย์แผนตะวันตก
นอกจากนี้จะส่งเสริมการทำวิจัยการรักษาโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับต้นๆ ด้วยสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ยังไม่มียาแผนปัจจุบันรักษาหายขาด เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน
ด้าน พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ สนับสนุนให้ทุกหมู่บ้านปลูกป่าสมุนไพร เพื่อเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตของชุมชน เพราะเป็นทั้งแหล่งอาหาร ยา แหล่งรายได้ของชุมชนทุกหมู่บ้านในปี 2555 ซึ่งนำร่องไปแล้ว 6 จังหวัด ในปี 2550-2552 ได้แก่ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครสวรรค์ ตรัง และพัทลุง จากการประเมินพบว่าในชุมชนที่นำร่องมีหมอพื้นที่บ้านที่เป็นผู้รู้ด้านสมุนไพรทั้งหมด 114 คน พบพันธุ์สมุนไพรและพืชที่เป็นแหล่งอาหารและที่ใช้เป็นยาตำรับรักษาโรค ในพื้นที่มากถึง 737 ชนิด ป่าสมุนไพรบางแห่งเช่นที่ป่าทามท่าสว่าง จ.สุรินทร์ สร้างรายได้ชุมชนปีละ 7 แสนบาท