นายภานุ แย้มศรี ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 14 จังหวัด รวม 64 อำเภอ 456 ตำบล 2,568 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 174,532 ครัวเรือน 465,792 คน ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท อุบลราชธานี สิงห์บุรี นครปฐม สุพรรณบุรี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา และอุทัยธานี ผู้เสียชีวิต 72 ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 3,681,912
สำหรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ลุ่มน้ำปิง ที่อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ลุ่มน้ำน่าน ที่ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ลุ่มน้ำชี ที่ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ลุ่มน้ำมูล ที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และลำเซบก อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ขณะที่สถานการณ์น้ำ ในแม่น้ำกวง มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น มีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 3,112ลบ.ม./วินาที (ต่ำกว่าตลิ่ง 0.59ม.)
จากการติดตามพยากรณ์อากาศ พบว่า ในช่วงวันที่ 9- 12 กันยายน 2554 จะมีฝนตกชุกหนาแน่น ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณอำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด อำเภอขลุง อำเภอมะขาม และอำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 9 — 10 กันยายน 2554 พร้อมนี้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณบ้านจอมแจ้ง บ้านนาคาว บ้านวังยาว และบ้านป่ากล้วย ตำบลแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และบ้านชมพูเหนือ ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ให้ติดตามตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม