นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม(ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 26 จังหวัด 165 อำเภอ 1,095 ตำบล 6,915 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 408,783 ครัวเรือน 1,412,357 คน ผู้เสียชีวิต 112 ราย สูญหาย 2 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 4,043,993 ไร่
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำสะแกกรัง และลุ่มน้ำท่าจีน ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ส่วนลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ยังมีน้ำมากและอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและเขื่อนเจ้าพระยามีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ 8 จังหวัดได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
ในส่วนของสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ ต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งระบายน้ำ ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนและชุมชนริมฝั่งแม่น้ำได้รับกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่ดังกล่าวให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และเสริมแนวกระสอบทรายกั้นน้ำ
ขณะที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ด้านตะวันออกนอกคันกั้นน้ำ บริเวณเขตมีนบุรี หนองจอก และเขตลาดกระบัง ยังมีน้ำท่วมในบางพื้นที่ ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง