ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ระบุว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(28 ก.ย.)เป็นต้นไป ยังต้องมีการติดตามสถานการณ์พายุดีเปรสชั่น “ไห่ถาง” ที่จะเริ่มมีอิทธิพลต่อประเทศไทย โดยจะทำให้เกิดฝนตกหนักและตกชุกกระจายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณที่มีน้ำท่วมขังอยู่ในปัจจุบัน มีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันยังคงมีน้ำเหนือไหลหลากลงสู่ทางตอนล่างอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นบ้างเล็กน้อย
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เวลา 06.00 น. (27 ก.ย. 54) ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,272 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 18 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 44 เซนติเมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 3,683 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากวานนี้ 12 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน สูงกว่าระดับตลิ่ง 94 เซนติเมตร ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงกว่าตลิ่ง 1.46 เซนติเมตร
จังหวัดสิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,895 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากวานนี้ 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.23 เมตร จังหวัดอ่างทอง มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,575 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่ากับวานนี้ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 25 เซนติเมตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,302 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 8 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 61 เซนติเมตร ส่วนที่คลองบางหลวง(คลองโผงเผง) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 984 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่ากับวานนี้ ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.40 เมตร คลองบางบาล มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.50 เมตร และที่อ.บางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,195 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากวานนี้ 18 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 86 เซนติเมตร
อนึ่ง ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์คันดินกั้นน้ำหรือประตูระบายน้ำต่างๆที่เกิดชำรุดเสียหายหลายแห่งในพื้นที่ภาคกลาง เนื่องจากไม่สามารถรับแรงต้านของน้ำที่ไหลหลากจำนวนมากได้ โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นั้น กรมชลประทาน ขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหา ได้ดำเนินการทุกวิถีทางที่จะซ่อมแซมคันที่ขาดทุกแห่งให้ใช้งานได้โดยเร็วที่สุด แต่เนื่องจากคันที่ขาดบางแห่งมีปริมาณน้ำที่ไหลเชี่ยวค่อนข้างแรงมาก จึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปอุดช่องที่ขาดได้ในทันที ซึ่งกรมชลประทานจะได้เร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุดต่อไป