นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า กำลังเร่งระบายน้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมาออกสู่ทะเลให้มากที่สุด โดยในช่วงที่ไม่มีฝนตกลงมาเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลได้สูงสุดถึง 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่หากมีฝนตกลงมาจะเร่งระบายให้ได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูงสุดที่ปากคลองตลาดวัดได้เมื่อวานนี้(8 ต.ค.) เวลา 17.00 น.อยู่ที่ 1.88 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และวันนี้จะขึ้นสูงสุดในเวลา 16.30 น. ส่วนปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา วัดที่บริเวณเขื่อนพระราม 6 อยู่ที่ 4,945 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,135 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ กทม.ได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้น้ำที่ปล่อยมาจากด้านเหนือมีปริมาณมากขึ้นทุกวันทำให้พื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำใน 13 เขต รวมถึงพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออกยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในคูคลองในพื้นที่ชั้นในมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะเดียวกันระบายน้ำออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาทำได้ยากขึ้น และในช่วงวันที่ 13-15 ต.ค.นี้ น้ำทะเลลจะหนุนสูง โดยเฉพาะวันที่ 15 ต.ค.ที่ฐานน้ำทะเลจะสูง 1.11 เมตร ก่อนจะขึ้นสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 29 ต.ค.ที่ระดับ 1.31 เมตร
ด้านนายบุญอินทร์ ชื่นชวชิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล วันนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง 117.71 ล้านลูกบาศก์เมตร แนวโน้มลดลงกว่า 4 วันที่ผ่านมา และหากในช่วง 1-2 วันนี้ไม่มีฝนตกหนักในพื้นที่จะสามารถลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลไปพื้นที่ท้ายน้ำ และลุ่มเจ้าพระยาลงได้ ส่วนที่เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างวันละ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่แนวโน้มลดลงเหลือวันละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตามจะประสานกับกรมชลประทานขอปรับการพร่องน้ำออกจากเขื่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบความเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง