นายพชร นริพทะพันธุ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพลังงาน โดยมีผลสรุปใน 4 ประเด็น คือ ด้านที่ 1.เรื่องการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันและก๊าซ LPG ซึ่งเบื้องต้นมีปัญหาหลักกิโลเมตรที่ 21-39 ทางหลวงสายเอเชีย แต่เนื่องจากมีเส้นทางเบี่ยง จึงทำให้ไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง
ด้านที่ 2 การติดตามสถานการณ์เชิงพื้นที่ ซึ่งครอบคลุมถึงการปิดจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบันมีปั๊มน้ำมันปิดบริการแล้ว 30 แห่ง ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, สิงห์บุรี, ชัยนาท, พิจิตร, สุโขทัย, พิษณุโลก, นครสวรรค์, ปราจีนบุรี, อุทัยธานี และ อ่างทอง
ด้านที่ 3 ด้านการเฝ้าระวังระดับน้ำในเขื่อน โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลที่ใกล้เต็มและได้มีการสั่งการไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ถึงกลยุทธ์ในการระบายน้ำของเขื่องสิริกิติ์ที่จะทำให้แม่น้ำน่านลดลง เพื่อให้ระบายน้ำจากแม่น้ำยมออกไปได้
และ ด้านที่ 4 ได้มีการสั่งการให้ บมจ.ปตท.(PTT) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมตัวเลขการช่วยเหลือจัดทำบัญชีเข้า-ออกของอุปกรณ์ที่จะต้องนำไปช่วยเหลือ เพื่อให้เกิดการกระจายการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ได้มีการมอบหมายให้นายศิริศักดิ์ วิทยอุดม รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ประสานงานหลักในการติดตามสถานการณ์ภาพรวม และมอบหมายให้นายอำนวย ทองสถิตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ เป็นผู้แทนหลักในการรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ ซึ่งนายอำนวย ได้แยกพื้นที่เป็น 4 ประเภท ตามแนวทางของกรมป้องกันสาธารณะภัย
สำหรับความช่วยเหลือล่าสุดของกลุ่ม ปตท.ต่อผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย ถุงยังชีพ 1,000 ชุด, ถังก๊าซขนาด 7 กก.รวม 50 ใบ, ถังก๊าซขนาด 48 กก. รวม 40 ใบ, เรือ 1,000 ลำ, สนับสนุนงบสำหรับเครื่องกรองน้ำ 5,000 เครื่อง, น้ำมันเบนซินสำหรับเรือกู้ภัย จำนวน 1,000 ลิตร และข้าวกล่อง 12,000 กล่อง