ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการเดินทางไปยังประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำของประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาอยู่ที่ 1.58 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และยังสามารถรับน้ำได้อีกประมาณ 80 เซนติเมตร โดยถือว่ายังอยู่ในระดับปกติ และขณะนี้ได้เปิดประตูระบายน้ำเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาสู่คลองทวีวัฒนา ผ่านไปยังคลองภาษีเจริญ คลองกระทุ่มแบน คลองบางกอกใหญ่ คลองดาวคะนอง และคลองชักพระ เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากจังหวัดนนทบุรี
จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางต่อไปยังท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช เพื่อตรวจเยี่ยมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยกทม.ได้เสริมแนวกระสอบทรายเพิ่มเติมอีก 80 เซนติเมตรจากแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรที่มีอยู่เดิม 2 เมตร ทำให้ขณะนี้บริเวณโรงพยาบาลศิริราชมีแนวป้องกันน้ำท่วมสูง 2.80 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อีกทั้งได้ขยายฐานกระสอบทรายให้กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรง พร้อมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมกรณีอาจมีน้ำซึมเข้ามาในพื้นที่ และจัดหน่วยบริการเร่งด่วน หรือหน่วยเบสท์ (BEST) เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง
"ในส่วนของพื้นที่ฝั่งธนบุรีและโรงพยาบาลศิริราชไม่น่าห่วง เนื่องจากได้เสริมแนวป้องกันเพิ่มเติมและมีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี แต่ยังห่วงพื้นที่ฝั่งตะวันออก 4 เขต ได้แก่ หนองจอก มีนบุรี คลองสามวา และลาดกระบัง ซึ่งหากกรมชลประทานปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในปริมาณมากขึ้น อาจทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำเอ่อล้นในพื้นที่"ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (11 ต.ค.) เวลา 10.00 น. กทม.จะเปิดศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้านตะวันออก ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศาลาประชาคมเมืองมีน เขตมีนบุรี เพื่อบูรณาการแผนแก้ไขปัญหาและรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินแบบครบวงจร ให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันก่อนที่ปริมาณน้ำจะสูงขึ้นทั้งจากน้ำฝนและน้ำท้ายเขื่อน เพื่อที่กทม.จะได้เตรียมแผนรับมือในพื้นที่เสี่ยงจุดอื่นๆ ต่อไป