นายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผู้อำนวยการ สำนักพยากรณ์อากาศส่วนกลาง กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า สภาพฝนที่ตกชุกในช่วงนี้เป็นอิทธิพลจากร่องมรสุม โดยคาดว่าจะยังมีปริมาณฝนตกอยู่อีก 1-2 วันจากนี้ แต่ปริมาณไม่หนักมากอยู่ในระดับ 40-50 มม. ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, ราชบุรี, กทม. และปริมณฑล ตลอดจนฝั่งตะวันออก เช่น ระยอง ชลบุรี และนครนายก โดยฤดูฝนจะสิ้นสุดลงตั้งแต่กลางเดือนนี้เป็นต้นไป
"ช่วงนี้ปริมาณน้ำฝนมีเล็กน้อยถึงปานกลาง อาจจะหนักบางส่วน แต่น้ำไม่มาก ฝนที่ตกมาจากร่องมรสุม ถ้าไม่มีมรสุม ฝนจะหมดกลางต.ค.นี้ หลังออกพรรษา แต่ฝนที่ตกตอนนี้เป็นเพราะร่องมรสุม" นายประวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ กรมอุตุฯ ไม่ห่วงว่าจะมีพายุลูกใหม่เข้ามาซ้ำเติมภาวะอุทกภัยในประเทศไทยขณะนี้ แม้ปัจจุบันจะมีการก่อตัวของพายุลูกใหม่ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ แต่สภาพอากาศหนาวเย็นจากจีนจะแผ่เข้ามากดดันส่งผลให้พายุลูกดังกล่าวอ่อนกำลังลง
ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศส่วนกลาง ขอให้ประชาชนติดตามรับฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าสาเหตุที่ประชาชนตื่นตระหนกมากอาจจะเป็นเพราะเกิดจากการสะสมข้อมูลมากจนเกินไป
ด้านนายมนัส กำเนิดมณี ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมชลประทาน กล่าวยืนยันว่า ในการระบายน้ำทางกรมชลประทานมีหลักวิชาการในการเปิดประตูระบายน้ำ อย่างกรณีการระบายน้ำบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา วันนี้ได้มีการปรับลดการระบายน้ำลง ขณะที่มีการเพิ่มการระบายน้ำลงแม่น้ำท่าจีน เพื่อลดผลกระทบต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับในกรณีปกติจะดูไม่ให้เกินความจุของลำน้ำ แต่ในช่วงวิกฤติ จะมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา และมีคณะกรรมการดูแล ซึ่งวันนี้ก็มีการประชุมอยู่
"เวลาระบายน้ำ เราดูตลอดเวลา มีหลักเกณฑ์ เพราะแต่ละลำน้ำมีความจุต่างกัน" นายมนัส กล่าว