นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาที่แจ้งว่าในช่วงนี้จะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออกมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยจากการสำรวจพบว่ากรุงเทพมหานครชั้นในมีพื้นที่จุดอ่อน 15 พื้นที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมหากมีปริมาณฝนตกเกินกว่า 60 มม./ชั่วโมง
กทม.ขอแจ้งให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมิใช่พื้นที่เสี่ยงต่อผลกระทบของประมาณน้ำเหนือไหลบ่า หรือน้ำทะเลหนุน เป็นเพียง "พื้นที่จุดอ่อนที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมในกรณีที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง"เท่านั้น โดยสำนักการระบายน้ำ กทม.ได้จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำพร้อมเจ้าหน้าปฏิบัติงาน ซึ่งจะสามารถสูบน้ำออกจากพื้นที่ได้ภายใน 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินการพร่องน้ำในคลองสายหลักให้มีปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยในการระบายน้ำอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากในช่วงนี้จะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและกรุงเทพฯ อาจส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ปริมาณฝนสูงถึง 2,043.5 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 43.5% ปริมาณระดับน้ำเหนือ(ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา) ที่เขื่อนเจ้าพระยาและพระราม 6 อยู่ที่ 4,756 ลบ.ม./วินาที ลดจากเมื่อวาน(10 ต.ค.) 130 ลบ.ม./วินาที
ขณะที่ประตูระบายน้ำบางไทรอยู่ที่ 3,560 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นอีก 379 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาวัดที่ปากคลองตลาด เมื่อเวลา 07.00 น. อยู่ที่ระดับ +1.92 ม.รทก.(ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 88 ซม.) และคาดการณ์โดยกรมอุทกศาสตร์ว่าในเวลา 18.00 น. ระดับน้ำจะอยู่ที่ +1.98 ม.
โฆษก กทม.กล่าวว่า ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำได้ที่ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กองสารสนเทศระบายน้ำ โทรศัพท์ 02-248 5115 โทรสาร 02-248 8012 หรือสายด่วน กทม. 1555