น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า โดยภาพรวมจากผลกระทบของปัญหาน้ำท่วมจำเป็นต้องปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยในปีนี้ลง เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมมีผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งเฉพาะตัวเลขผลกระทบจากสวนอุตสาหกรรมโรจนะมีความเสียหายเป็นมูลค่า 5-6 หมื่นล้านบาทแล้ว ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ไปทบทวนตัวเลขจีดีพีอีกครั้ง
ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประเมินว่าจะต้องใช้เป็นจำนวนเท่าใด แต่มาตรการของคณะรัฐมนตรีที่ให้ปันงบ 10% มาช่วยน้ำท่วมก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งและอาจจะได้เงินในส่วนนี้อีกหลายหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี การประเมินตัวเลขที่ชัดเจนต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการฟื้นฟูทั้ง 3 ชุดที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งในวันนี้
สำหรับเม็ดเงินจากส่วนอื่นนั้น รัฐบาลอาจจะใช้แนวทางการตั้งงบประมาณกลางปี รวมถึงรูปแบบเงินกู้ต่างๆ ซึ่งมีสถาบันการเงินเตรียมพร้อมไว้แล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลยินดีที่จะรับความช่วยเหลือด้านเงินกู้จากต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ได้รับคำยืนยันจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า จะมีการปรับปรุงและเสริมความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำบริเวณรอยต่อพื้นที่กรุงเทพฯ กับนนทุบรี และปทุมธานี ให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ขณะที่การขุดลอกคูคลองทั้ง 5 จุดที่จะช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเลนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันเช่นกัน
ทั้งนี้ หากดำเนินการได้ตามเป้าหมายก็จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่พื้นที่กรุงเทพฯ มากขึ้น พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้กรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงน้ำทะเลหนุน คงจะไม่สามารถระบายน้ำออกได้ สิ่งที่จะทำได้คือต้องทำให้แนวคันกั้นน้ำมีความแข็งแรงเพียงพอ และขอร้องประชาชนให้ช่วยกันดูแลแนวคันกั้นน้ำ และป้องกันไม่ให้มีการทำลายคันกั้นน้ำ
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเหนื่อยกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ก็รู้สึกเห็นใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า เพราะบางจุดการให้ความช่วยเหลือยังเข้าไปได้ไม่ทั่วถึง และคงไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ไปส่งอาหารให้ได้ทั่วทุกจุด จึงอยากให้ประชาชนย้ายออกมาอยู่ที่ศูนย์อพยพที่แต่ละจังหวัดจัดเตรียมไว้ให้เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างทั่วถึง
พร้อมกันนี้ได้มอบหมาย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ไปพิจารณาพื้นที่สำหรับใช้เป็นจุดจอดรถยนต์ให้กับประชาชนเพิ่มเติม โดยมองทางเลือกไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง