นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)แถลงว่า สถานการณ์น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมนวนครล่าสุดขณะนี้กำแพงกั้นน้ำแนวฝั่งตะวันตกได้แตกออกความยาว 3-5 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้ามาอีกด้านของนิคมฯ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมกำลังเข้าซ่อมแซมคาดว่าไม่เกิน 3 ทุ่มของวันนี้น่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากแนวกั้นน้ำเดิมที่พังลงในช่วงเช้าที่ทำให้น้ำไหลเข้าท่วม 10% ของพื้นที่นิคมฯ ทำให้มีโรงงานที่ถูกน้ำท่วมประมาณ 10 โรงงาน ระดับน้ำสูง 1.50-2.00 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังพยายามนำตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาปิดกั้นรอยแตกดังกล่าว ส่วนโรงงานที่เหลือยังสามารถสกัดกั้นน้ำไว้นอกบริเวณพื้นที่โรงงาน
สำหรับการเคลื่อนย้ายประชาชนจากพื้นที่ในนิคมฯ ส่วนใหญ่ได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แต่ยังขณะนี้มีพื้นที่บางส่วนที่ประชาชนยังไม่ละทิ้งเคหะสถานและพนักงานที่ยังอยู่ภายในโรงงานที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือ และได้ระดมกำลังเข้าไปแก้ไขปัญหา ขณะที่หลายคนเกรงว่ามืดค่ำแล้วการแก้ปัญหาอาจจะไม่ได้ผลและอาจนำมาซึ่งเสียหายมากกว่าเดิม ดังนั้น จึงได้เตรียมรถและเจ้าหน้าที่พร้อมอพยพผู้ที่ยังอยู่ภายในนิคมฯ ตลอดเวลา
ส่วนความกังวลถึงสถานการณ์น้ำว่าจะเข้าท่วมในเขตกทม.หรือไม่นั้น นายวิม กล่าวว่า ศปภ.จะเฝ้าติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดทั้งคืน โดยอาจจะมีการแถลงความหน้าทุก 2 ชม. แต่เมื่อสักครู่นี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการสร้างคันกั้นน้ำจากจังหวัดปทุมธานีเพิ่มอีก 1 จุดในเส้นเลียบคลองรังสิต-องค์รักษ์ตั้งแต่ขณะนี้ ซึ่งจะเป็นแนวป้องกันชั้นที่ 3 พร้อมทั้งเสริมพนังกั้นน้ำ 2 จุดเดิมให้สูงขึ้น
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ.แถลงว่า ขณะนี้ได้มีการปิดศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และ วัดพระธรรมกายแล้ว หลังจากมีผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่นิคมอุสาหกรรมนวนครได้อพยพเคลื่อนย้ายไปอาศัยพักพิง
ส่วนที่ อ.ธัญบุรี และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งสามารถรองรับได้จำนวน 20,000 คนและ 1,000 คนตามลำดับ ยังสามารถรองรับได้
นอกจากนี้ ทางท่าอากาศยานดอนเมืองได้เปิดอาคารระหว่างประเทศอาคาร 2 ซึ่งปัจจุบันว่างให้เป็นสถานที่รองรับประชาชนที่อพยพน้ำท่วมได้เข้ามาพักอาศัย โดยเฉพาะประชาชนจำนวนมากที่กำลังอพยพมาจากนิคมอุตสาหกรรมนวนครที่น้ำไหลเข้าท่วมล่าสุดคาดว่าจะสามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 3,000 คน