ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) สั่งระดมกำลังคนเร่งเสริมแนวคันกั้นน้ำคลองหกวาสายล่างด่วนสูงอีก 50 ซม.ภายในวันที่ 19 ต.ค.เพื่อป้องกันผลกระทบพื้นที่เขตสายไหมและดอนเมือง หลังได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ว่าไม่สามารถควบคุมระดับน้ำในคลอง 8-9 ได้ แต่ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก โดยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"ศปภ.ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำที่คลอง 8 และคลอง 9 ได้ ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำอาจสูงถึง 3.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านกรุงเทพฯ เหนือในเขตสายไหมและดอนเมืองได้ จึงจำเป็นเร่งด่วนที่กรุงเทพมหานครจะต้องเร่งเสริมแนวคันกั้นน้ำบริเวณคลองหกวาสายล่าง เขตสายไหม ให้หนาขึ้นและสูงเพิ่มขึ้นอีก 50 เซนติเมตรจึงจะสามารถป้องกันพื้นที่ได้" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การเสริมคันกั้นน้ำครั้งนี้ต้องใช้กระสอบทรายทั้งหมด 1.2 ล้านใบ ซึ่งรัฐบาลแจ้งว่าจะจัดหากระสอบทรายจำนวน 1 ล้านใบให้ กทม. แต่หากไม่ทันการณ์ในวันพรุ่งนี้ กทม.จะจัดหาด้วยตนเองและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 48 ชม.(นับจากเวลา 21.00 น.วันที่ 17 ต.ค.54) รวมถึงจะเร่งดำเนินการก่อสร้างแนวกระสอบทรายบริเวณคลอง 8-12 บริเวณ ถ.ประชาสำราญ ระยะทาง 15 กม. ด้วย
ทั้งนี้ กทม.ได้รับความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์ในการจัดส่งผู้ต้องขังจำนวน 300 คน ช่วยดำเนินการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำบริเวณคลองหกวาสายล่าง เพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และขอเชิญชวนประชาชนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันบรรจุกระสอบทราย ณ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 ถ.พหลโยธิน เขตสายไหม เพื่อให้ทันและเพียงพอต่อการใช้ทำแนวกระสอบทรายให้พ้นจากอุทกภัยในครั้งนี้ แต่ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากกรุงเทพมหานครได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ หากประชาชนสามารถขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือย้ายปลั๊กไฟขึ้นที่สูงเพื่อเตรียมพร้อมรวมถึงอาจเตรียมไว้สำหรับปีหน้าก็สามารถทำได้
นอกจากนี้ ผู้บริหาร กทม.ร่วมกับกรมทางหลวงชนบทจะลงพื้นที่ตรวจบริเวณใต้สะพานกลับรถข้ามคลองรังสิต ถ.พหลโยธิน เพื่อเตรียมความพร้อมและทำแนวป้องกันน้ำไหลย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ และประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่อไป