นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแผนจะผันน้ำจากรังสิตลงสู่คลองลำปะทิวตามที่มีกระแสข่าวระบุว่าหากระบายน้ำในเส้นทางดังกล่าวจะทำให้นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถูกน้ำท่วม รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแถลงว่าขณะนี้สามารถระบายน้ำได้ 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากต้องการระบายน้ำได้มากกว่านี้ต้องให้กรมชลประทานเปิดประตูระบายน้ำ ที่บริเวณคลองหนองจอกและคลองประเวศด้วย หากเปิดจะระบายน้ำได้ถึง 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะทำให้น้ำในกทม.ลดระดับเร็วมากขึ้น
กรมชลประทาน ขอชี้แจงดังนี้ ประตูระบายน้ำหนองจอกอยู่กลางคลองแสนแสบ ทำหน้าที่ระบายน้ำจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร ลงสู่คลองบางขนาก ก่อนระบายออกสู่แม่น้ำบางปะกงใน จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนประตูระบายน้ำคลองประเวศทำหน้าที่ในการระบายน้ำจากพื้นที่กรุงเทพมหานครลงสู่แม่น้ำบางปะกงเช่นกัน แต่เนื่องจากระดับน้ำในคลองทางด้านแม่น้ำบางปะกงสูงกว่าระดับน้ำในคลองทั้งสองแห่ง หากเปิดประตูระบายน้ำทั้งสองแห่งจะทำให้มีน้ำไหลย้อนเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานครได้
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมชลประทานได้ทำการปิดประตูระบายน้ำทั้งสองแห่ง และใช้เครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งไว้ในบริเวณประตูระบายน้ำ ทำการสูบน้ำจากพื้นที่ทางด้านของกรุงเทพฯ ให้ลงสู่คลองด้านที่ติดแม่น้ำบางปะกงอย่างเต็มศักยภาพตามข้อจำกัด เนื่องจากหากสูบน้ำลงไปเป็นจำนวนมาก จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองด้านที่อยู่ติดกับแม่น้ำบางปะกง จึงได้มีการประชุมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักชลประทานที่ 11 และกลุ่มผู้นำชุมชนต่างๆในพื้นที่ที่อาจจะรับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง
ทั้งนี้ ได้ข้อตกลงร่วมกันคือ ในกรณีของคลองแสนแสบจะต้องควบคุมระดับน้ำไม่ให้เกิน 1.30 เมตร(รทก.) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลศาลาแดง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนในคลองประเวศน์บุรีรมย์ต้องควบคุมน้ำไม่ให้เกินระดับ 0.75 เมตร(รทก.) จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตำบลคลองเปร็ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และอำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ