นายปลอดประสพ กล่าวว่า พื้นที่ทางทิศเหนือของ กทม.คงต้องเจอกับสภาพน้ำทะลักเข้าท่วมต่อไป เนื่องจากยังคงต้องรับปริมาณน้ำที่มาจาก จ.ปทุมธานี และคลองต่างๆ ส่วนพื้นที่ฝั่งทางตะวันตกของ กทม.จะหนักหน่อย เพราะจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ดังนั้นปริมาณน้ำจะไหลแผ่ขยายเป็นวงกว้าง เรียกได้ว่า ประมาณ 80-90% ของพื้นที่ฝั่งธนบุรี
"กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกหนักหน่อย น้ำจะทะลักแผ่เป็นวงกว้าง ไหลเข้าท่วมพื้นที่ฝั่งธนบุรีเกือบทั้งหมด ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านของ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่น่ารอด จะมีน้ำไปเยี่ยมถึงบ้าน แต่จะมากหรือจะน้อยก็เป็นอีกเรื่อง" นายปลอดประสพ กล่าว
ส่วนพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออกนั้นจากการสำรวจเมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่าปริมาณน้ำทุ่งรังสิตเริ่มคงที่ จึงสามารถตีความได้ 2 อย่าง คือ 1.ปริมาณน้ำที่ไหลมาจากภาคเหนือเริ่มหมดแล้ว 2.การผันน้ำเริ่มไปสู่ทิศตะวันออกของ กทม.มากขึ้น แสดงถึงสัญญาณที่ดี เนื่องจากหากมวลน้ำเริ่มคงที่ ไม่เพิ่มขึ้น จะทำให้แนวป้องกันต่างๆ อาทิ บริเวณคลองหกวาสายล่าง คลองสอง ความกดดันจากแรงดันของน้ำจะลดลง จนแนวป้องกันสามารถต้านทานได้ มิเช่นนั้นหากยังมีปริมาณน้ำไหลมาสมทบ อาจจะทำให้แนวเขื่อนป้องกันแตก จนมีปริมาณน้ำมหาศาลไหลเข้าท่วมพื้นที่ของประชาชนได้
อย่างไรก็ตาม การผันน้ำมาทางด้านตะวันออกของ กทม.มากขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ กทม.เป็นไปในลักษณะค่อยๆ ไหลซึมมาอย่างช้าๆ ไม่ใช่ไหลแบบที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะตอนนี้อยากให้น้ำมาฝั่งนี้แต่ยังไม่ค่อยจะมา ดังนั้นเชื่อว่านิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังน่าจะรอดจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้