ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้หากมวลน้ำยังไหลเข้าย่าน จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และจ.นครปฐม กทม.ทำได้อย่างเดียว คือ เพิ่มขีดความสามารถในการบรรเทาสถานการณ์ในพื้นที่แ แต่ยังไม่สามารถเอาน้ำออกได้ในทันที อย่างไรก็ตามคาดว่า หากในเวลา 1 เดือนนี้ไม่มีน้ำไหลเข้ามาเพิ่มเติม กทม.จะเข้าสู่ภาวะปกติแต่ถ้ามีน้ำมาเติมปัญหาน้ำท่วมขังก็ยังคงอยู่
ทั้งนี้ในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ได้สนับสนุนแนวคิดความต้องการของ กทม.อย่างดียิ่ง โดยทาง ศปภ.ได้นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มเติม ในคลองหกวาสายล่าง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อเร่งระบายนำออกของฝั่งตะวันออก โดยจากเดิมมีเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่อง ล่าสุดมี 24 เครื่อง ทำให้มีกำลังระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว
ส่วนที่สถานีสูบน้ำหนองจอก จากเดิมที่เปิดสูบน้ำ จำนวน 8 เครื่อง จากทั้งหมด 20 เครื่อง วันนี้ (6 พ.ย.) ได้เปิดเป็น 16 เครื่อง ส่วนที่เหลืออีก 4 เครื่องเก็บไว้สำรองหาก 16 เครื่องที่เปิดสูบน้ำเกิดการชำรุด
ศปภ.ยังได้ประสานจะนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มให้ กทม. เพื่อระบายน้ำคลองพระโขนง เช่นเดียวกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ประสานจัดหาเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมให้ กทม.ด้วย
นอกจากนี้ กทม.ได้เพิ่มจำนวนเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งที่ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 13 เพื่อสูบน้ำลงคลองมอญมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ย.) พล.ต.อ.ประชา ได้ประสานมายัง กทม.เพื่อประชุมหารือ ที่ ศปภ. เวลา 10.00 น. ซึ่งจะหารือเรื่องรายละเอียดการติดตั้งเครื่องสูบ การผันน้ำไปยังสถานที่ต่างๆ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงสถานการณ์บริเวณคลองแปด คลองเก้า และคลองสิบ ที่ยังดำเนินการปิดประตูระบายน้ำไม่สำเร็จ รวมถึงยังเป็นห่วงคันกั้นที่พังเสียหาย 14 จุด ในพื้นที่ทางด้านเหนือและตะวันตกของ กทม. ซึ่งหาก ศปภ. ไม่สามารถไปซ่อมแซมได้ครบทั้งหมดก็อาจทำให้ฝั่งธนบุรีทั้งหมดได้รับผลกระทบ
“ตอนนี้การทำงานกับ ศปภ.ก็ดีอยู่แล้วมีเพียงข้อกังวลแต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผมก็ตค้องทบทวนการทำงานของผม แต่ก็ดีใจที่ 24 ชม.ที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุน ผมยิ้มออกแล้วครับ ผมได้รับการสนับสนุนเพื่อจะมาดูแลได้ดียิ่งขึ้น"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว