น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์, พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) และนายเซอิจิ โคจิมะ เอกอัตรราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยหลังน้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา
นายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า ขอชื่นชมประชาชนทุกคนที่อดทนฟันฝ่ามหันตภัยในครั้งนี้ ขอบคุณและชื่นชมที่ได้เห็นพลังของประชาชน ซึ่งตนเองตื้นตันว่าประชาชนสามารถอยู่กับน้ำได้เป็นเดือน ขณะเดียวกันได้เห็นความร่วมมือจากทางภาครัฐ เอกชน และกองทัพที่ร่วมต่อสู้กับภัยธรรมชาติ และดีใจที่ความสุขได้กลับมาหาประชาชนแล้ว
ในส่วนของรัฐบาลมีนโยบายเยียวยา ฟื้นฟู ให้กับประชาชนตั้งตัวได้ดังเดิม สำหรับเกษตรกรรัฐบาลได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ไว้แจก ทั้งนี้มองว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความสำคัญเหมือนเมืองหลวงของประเทศ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรม การเกษตร โบราณสถาน อย่างไรก็ดี ตนเองรู้สึกทุกข์ และเศร้าที่เห็นโบราณสถานถูกน้ำท่วม รัฐบาลยืนยันจะซ่อมแซมฟื้นฟู บ้านเรือน และแหล่งอุตสาหกรรม ให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด พร้อมยืนยันรัฐบาลมาจากประชาชนทำงานด้วยสมอง และยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งประชาชน โดยขอให้เข้มแข็ง ร่วมกันนำพาประเทศไปข้างหน้า
"เสียงของประชาชนในวันนี้ที่ให้กำลังใจ ทำให้ดิฉันรู้สึกหายเหนื่อย ขอให้ทุกคนรวมพลังกันให้อยุธยากลับคืนมาโดยเร็ว" นายกฯ กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมปลูกต้นเสลาที่หน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมเป็นประธานกดปุ่มเดินเครื่องสูบน้ำที่หน้าโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เพื่อสูบน้ำออกจากเกาะเมือง โดยว่าที่ร้อยตรีสมทรง สัพโกสนกุล นายกเทศมนตรี คาดว่าหลังเดินเครื่องสูบน้ำแล้ว ระดับน้ำในเกาะเมืองจะแห้งภายใน 15 วัน จากนั้นนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูสวนอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค