น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคกลางว่าเริ่มดีขึ้น หลายจังหวัดน้ำลดลงแล้ว เช่น นครสวรรค์, พระนครศรีอยุธยา, สิงห์บุรี และอ่างทอง เป็นต้น ซึ่งแต่ละจังหวัดมีการจัดกิจกรรม Big Cleaning Day หลังจากที่น้ำลดเพื่อช่วยกันเก็บขยะและทำความสะอาดบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมเสียหาย ซึ่งถือเป็นช่วงเริ่มต้นการฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุอุทกภัย โดยในส่วนของภาครัฐจะเร่งฟื้นฟูความเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจ, นิคมอุตสาหกรรม, ฟื้นฟูด้านสุขอนามัย, สุขภาพจิต รวมทั้งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
ส่วนพื้นที่น้ำท่วมในกรุงเทพฯ หลังจากที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ได้เร่งวางบิ๊กแบ็คหรือกระสอบทรายยักษ์เพื่อช่วยในการชะลอน้ำทางทิศเหนือของกรุงเทพฯ แล้วนั้น ทำให้สามารถชะลอน้ำจากทางเหนือทั้งอยุธยา ปทุมธานี ที่จะไหลลงมาสู่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ได้ และทำให้ระดับน้ำที่ท่วมขังในเขตดอนเมือง, สายไหม และบางเขนเริ่มลดระดับลง รวมทั้งชะลอการไหลของน้ำใน ถ.วิภาวดีรังสิต และ ถ.พหลโยธิน ที่จะไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นในลงได้
"ผลของการวางบิ๊กแบ็คทำให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ท่วมขังใน กทม.ทำได้ง่ายขึ้น แต่บิ๊กแบ็คไม่ได้หยุดน้ำ แค่ชะลอน้ำ การกั้นบิ๊กแบ็คไม่ใช่จะได้ผล 100% ต้องหาทางอื่นทำควบคู่กันด้วย" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 70 ตัว ตามที่กรุงเทพมหานครร้องขอเพื่อเร่งติดตั้งให้เข้าสู่ระบบการระบายน้ำได้โดยเร็ว
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกนั้น ได้เร่งให้กรมชลประทานซ่อมคันกั้นน้ำที่ชำรุดทั้ง 14 จุดให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งกรมชลฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 12-13 พ.ย.นี้ หลังจากนั้นน้ำที่ท่วมอยู่ในพื้นที่ปทุมธานี และนนทบุรี รวมถึงกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกก็จะเริ่มลดระดับลง
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกไม่มีระบบคันกั้นน้ำที่ถาวรและแข็งแรงเพียงพอ ซึ่งยากจะป้องกันไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ทั้งหมดได้ ซึ่งรัฐบาลจะเร่งในการขุดคลองลัดต่างๆ ให้ระบายน้ำลงสู่ทะเลได้สะดวกยิ่งขึ้น