นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนบนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชลประทานนำเครื่องสูบน้ำช่วยประชาชนในพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังอย่างเช่นที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้ว ในขณะเดียวกันได้นำเครื่องสูบน้ำจากพื้นที่ที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมมาติดตั้งในพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติมแล้ว ทำให้การสูบน้ำออกสู่ทะเลมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น
จากการดำเนินการดังกล่าว ขณะนี้กรมชลประทานมีเครื่องสูบน้ำถาวรและเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ทางด้านฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วรวม 660 เครื่อง สามารถสูบน้ำออกสู่ทะเลได้วันละประมาณ 123 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ปริมาณการสูบน้ำในแต่ละวันจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่ระบบระบายน้ำและสถานีสูบน้ำ รวมถึงการขึ้นลงของน้ำทะเลด้วย
สำหรับพื้นที่ตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามีเครื่องสูบน้ำรวม 336 เครื่อง เป็นเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งอยู่ที่สถานีสูบน้ำถาวร จำนวน 171 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่อีก 165 เครื่อง สูบน้ำได้วันละประมาณ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนด้านตะวันออกมี 324 เครื่อง เป็นเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งอยู่ที่สถานีสูบน้ำถาวร 216 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่อีก 108 เครื่อง สูบน้ำได้วันละประมาณ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตามในการสูบน้ำออกสู่ทะเลนั้นกรมชลประทานได้พิจารณาความเหมาะสมโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์กับปริมาณน้ำ อิทธิพลน้ำทะเลหนุนรวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ด้านท้ายน้ำ รวมถึงจะต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนการทำงานของเครื่องสูบน้ำเพื่อให้สามารถดำเนินการสูบน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวันด้วย