นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ปฏิบัติภารกิจสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมกับจ.ปทุมธานี และนนทบุรี รวมทั้งหน่วยราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่ โดยในส่วนของกรมชลประทานจะดำเนินการเสริมความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ในจุดต่าง ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจพื้นที่เพื่อประเมินปริมาณน้ำที่ท่วมขัง กำหนดจุดติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้สอดคล้องกับทิศทางการไหลของน้ำ พร้อมทั้งตรวจความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำในพื้นที่ชุมชนที่จะเข้าดำเนินการด้วย
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดำเนินการในชุมชนต่างๆ ประกอบด้วยพื้นที่กลุ่มที่ 1 เขตเทศบาลบางกรวย พื้นที่ประมาณ 19.77 ตารางกิโลเมตร มีน้ำท่วมประมาณ 8.36 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่กลุ่มที่ 2 อ.บางกรวย อ.เมืองนนทบุรี และ อ.บางใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 19.43 ตารางกิโลเมตร มีน้ำท่วมขังประมาณ 6.96 ล้านลูกบาศก์เมตร
พื้นที่กลุ่มที่ 3 ในเขตอ.บางบัวทอง อ.เมืองนนทบุรี มีพื้นที่ประมาณ 22.21 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณน้ำในพื้นที่ประมาณ 10.40 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนพื้นที่กลุ่มที่ 4 ในเขตอ.บางบัวทอง อ.ปากเกร็ด และอ.เมืองปทุมธานี พื้นที่ประมาณ 37.90 ตารางกิโลเมตร และมีปริมาณน้ำประมาณ 11.73 ล้านลูกบาศก์เมตร
"ปัจจุบันกรมชลประทานได้เข้าไปดำเนินการเสริมแนวคันกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และเริ่มสูบน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ชุมชนเทศบาลนครรังสิตตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงภายในต้นเดือนธันวาคมนี้" อธิบดีกรมชลประทานกล่าว