ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังจากประเมินผลกระทบสถานการณ์น้ำกว่า 30 ชั่วโมง ในพื้นที่โดยรอบหลังจากกทม.ประตูระบายน้ำ 3 แห่ง ได้แก่ ประตูระบายน้ำคลองขุนศรีบุรีรักษ์ ประตูระบายน้ำคลองควาย และประตูระบายน้ำคลองซอยที่ระดับ 75 ซม. เพื่อระบายน้ำจากพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ปรากฎว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นแต่อยู่ในขอบเขตจำกัด
ดังนั้นตั้งแต่บัดนี้ กทม.จะเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 3 แห่ง ที่ระดับ 1 เมตร ตามข้อตกลงที่ได้หารือร่วมกับ ศปภ.เมื่อ 21 พ.ย.54 แต่ กทม.ขอสงวนสิทธิในการปรับเพิ่มหรือลดระดับประตูระบายน้ำทั้ง 3 แห่งตามความเหมาะสม หากเกิดผลกระทบเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามอำนาจหน้าที่และตามคำสั่งของศปภ.ที่ให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำในระดับที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ
พร้อมกันนี้ กทม.จะทำหนังสือเป็นทางการไปยัง ศปภ. และกรมชลประทาน เพื่อขอความร่วมมือในการเปิดประตูระบายน้ำ 2 แห่งซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน ได้แก่ ประตูระบายน้ำฉิมพลี เพื่อระบายน้ำลงสู่คลองบางกอกน้อย และประตูระบายน้ำนครชัยศรี เพื่อผันน้ำคลองมหาสวัสดิ์ลงสู่คลองในพื้นที่ด้านตะวันตกต่อไป ซึ่งประตูระบายน้ำทั้ง 2 แห่งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดนนทบุรีได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการชุมนุมและรื้อกระสอบทรายยักษ์(บิ๊กแบ๊ก) เป็นแนวยาวกว่า 30 เมตรบริเวณแยก คปอ. ดอนเมืองนั้น กทม.จำเป็นต้องหารือกับ ศปภ.เนื่องจากเป็นเจ้าของโครงการ โดยการรื้อบิ๊กแบ๊กบริเวณดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณถนนพหลโยธิน เขตดอนเมือง เขตสายไหม คลองสอง คลองบางบัว และพื้นที่ต่อเนื่องด้วย