น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างมวลชนจากการทำแนวคันกระสอบทรายยักษ์(บิ๊กแบ๊ค)ว่า การจะรื้อแนวคันบิ๊กแบ๊คหรือคงไว้ต่อไปนั้นจะต้องรอผลการประชุมของคณะกรรมการระบายน้ำร่วมกับผู้ว่าราชการ 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ และฉะเชิงเทราก่อน
เนื่องจากขณะนี้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศ และกทม.ระบายน้ำได้มากขึ้น จึงต้องมีการวางแผนในการบริหารจัดการใหม่ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการรื้อบิ๊กแบ๊กออกทั้งหมดหากทำให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพรวมทั้งจะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพิ่มเติมเพื่อเร่งระบายน้ำให้เร็วทึ่สุด แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงแนวทางแก้ไขและผลกระทบต่อประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หลังการประชุมคณะกรรมการระบายน้ำเสร็จสิ้น น่าจะได้แนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเชื่อว่าประชาชนน่าจะพึงพอใจในแนวทางการแก้ปัญหาของคณะกรรมการระบายน้ำ เนื่องจากมีผู้ว่าราชการทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม
ส่วนปัญหาการประสานงานระหว่างศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) กับกรุงเทพมหานคร(กทม.)นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม.รับผิดชอบดูแลในส่วนพื้นที่ของกทม.อยู่แล้ว แต่การระบายน้ำในภาพรวมจะต้องมีการประสานงานกัน ขณะที่การเจรจากับมวลชนที่มาเรียกร้องจนมีการกระทบกระทั่งกันนั้นได้มีการดำเนินการตามกฏหมายแล้วเนื่องจากมีผู้แจ้งความดำเนินคดี แต่ใน แนวทางปฏิบัติของรัฐบาลยังคงยึดการเจรจาเป็นหลัก แต่หากมีการละเมิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย