นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียที่ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมขังร้องขอให้ภาครัฐช่วยเร่งแก้ไขว่า ศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ทำหน้าที่ดูแลปัญหาน้ำเน่าเสีย ซึ่ง ทส.โดย กรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ที่มีน้ำเน่าเสียหรือน้ำเน่าขัง ตามที่ได้รับแจ้งจากประชาชนผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ ศปภ. เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจ ก่อนที่กรมทรัพยากรน้ำจะนำก้อนจุลินทรีย์หรืออีเอ็มบอลไปแก้ไขน้ำเน่าเสียในพื้นที่นั้น ๆ ให้กับประชาชน ซึ่ง ทส. ได้รับการสนับสนุนอีเอ็มบอลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รมว.ทส. กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ 3 หน่วยงานหลัก คือ ทส. โดยกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงอุตสาหกรรมโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคติดต่อ ได้นำน้ำที่เน่าขัง หรือน้ำที่ขังอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมใด ๆ มาทดสอบหาสารพิษเจือปน ก่อนที่จะมีการสูบน้ำออกจากพื้นที่นิคมฯ ซึ่งหากไม่พบสารใด ๆ จะอนุญาตให้ทำการสูบน้ำออกได้ แต่หากพบว่ามีสารเจือปนจะต้องมีการบำบัดน้ำเสีย ก่อนที่จะนำน้ำออกสู่คูคลองต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความสบายใจกับประชาชนที่อยู่บริเวณรอบนอกของนิคมอุตสาหกรรม โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีผลกระทบในเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างใด
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาท ทุกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่จะมีการระบายน้ำออก โดยเฉพาะนิคมฯ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี ที่มีโรงงานอุตสาหกรรม ทั้ง 3 หน่วยงานหลักดังกล่าวที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะเข้าไปเก็บตัวอย่างน้ำ ก่อนที่จะมีการปล่อยน้ำออกจากพื้นที่
"จะมีการเก็บตัวอย่างน้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสารเจือปนที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบนิคมฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยเรื่องนี้โดยเฉพาะ หากพบว่ามีสารเจือปนในน้ำจะห้ามทำการระบายน้ำออกโดยเด็ดขาด โดยจะต้องไปบำบัดน้ำก่อน" รมว.ทส. กล่าว