น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะมีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งเป็นการเยือนประเทศอาเซียน ประเทศที่ 6 ต่อจากเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย และบรูไน ตามธรรมเนียมปฏิบัติในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ยืนยันนโยบายและความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับเวียดนาม โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน
นอกจากนี้ การเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในครั้งนี้ ยังเป็นการแสดงถึงการส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจกับประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นการสานต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-เวียดนามให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือบนผลประโยชน์ร่วมกันในเชิง “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนามครบรอบ 35 ปี
ในการเยือนเวียดนามครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม โดยคาดว่าจะมีการหยิบยกประเด็นความร่วมมือด้านการป้องกันภัยธรรมชาติและการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งทั้งไทย-เวียดนามต่างประสบปัญหาอุทกภัยและเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประเด็นความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องแม่น้ำโขง และจะใช้โอกาสนี้หาลู่ทางขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน อาทิ ด้านการก่อสร้าง พลังงาน ความร่วมมือเรื่องข้าว และการท่องเที่ยวที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญชวนให้เวียดนามเข้าร่วมโครงการนำร่อง ACMECS Single Visa เพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศด้วย
ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ ด้านหน้าสุสานอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ จากนั้นจะเข้าเยี่ยมคารวะ นายเหวียน มิง เจี๊ยต ประธานาธิบดีเวียดนาม ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ณ เรือนรับรองรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยถึงท่าอากาศสุวรรณภูมิ ในเวลา 23.00 น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายกรัฐมนตรีเข้าพักรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาล และยังไม่มีคำยืนยันว่าจะสามารถเดินทางไปเยือนเวียดนามตามกำหนดหรือไม่