ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน รายงานผลการจัดสรรน้ำในฤดูแล้งทั่วประเทศ ณ 25 ม.ค. 55 มีการนำน้ำไปใช้แล้ว 13,255 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42 ของแผนจัดสรรน้ำ คงเหลือปริมาณที่ใช้ได้ตามแผนประมาณ 18,645 ล้านลูกบาศก์เมตร เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการนำน้ำไปใช้แล้ว 6,027 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 46 ของแผนจัดสรรน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา คงเหลือปริมาณที่สามารถนำมาใช้ได้ตามแผนการจัดสรรน้ำในฤดูแล้ง 54/55 อีกประมาณ 7,193 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักๆ ที่ต้องส่งน้ำไปสนับสนุนการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 11,552 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 7,752 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 8,013 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 84 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 5,163 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 556 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 513 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 635 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 81 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 632 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลงมารวม 23 จังหวัด ได้กำหนดแผนการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2554/2555 ดังที่กล่าวมาข้างต้น ตามมาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และชดเชยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป็นปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 12,350 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนำมาจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมกันจำนวน 11,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จำนวน 750 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อีกจำนวน 600 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตพื้นที่ชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (20 ม.ค. 55) พบว่า มีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไปแล้วกว่า 4.33 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ของแผนทั้งหมด(แผนกำหนดไว้ 10 ล้านไร่) แยกเป็นพื้นที่ทำนาปรัง 4.31 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของแผน(แผนกำหนดไว้ 9.60 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก 0.02 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของแผน(แผนกำหนดไว้ 0.40 ล้านไร่)