น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "นโยบายรัฐบาลต่อการท่องเที่ยวไทยในอนาคต" โดยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวของไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แม้จะประสบปัญหาอุทกภัยในปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังมีความมั่นใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทย และมองว่าคนไทยมีความเป็นมิตร
โดยในปี 54 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 19.1 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 7.3 แสนล้านบาท
สำหรับแนวทางในการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวในไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันกับผู้ประกอบการ รวมทั้งสมาคมการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการเตรียมตัวรับต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งสร้างความมั่นใจของนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมา อีกทั้งเป็นการเปิดประตูสู่อาเซียนด้วย
นายกรัฐมนตรี มองว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวถือว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เพราะเป็นด่านหน้าของประเทศ ซึ่งจะทำให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย รวมทั้งอาจจะส่งผลดีที่นักท่องเที่ยวอาจเข้ามาทำธุรกิจหรือตั้งรกรากในประเทศไทย อันจะมีส่วนช่วยในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล
ทั้งนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีจุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน และควรหาจุดเด่นของประเทศไทย เพื่อเตรียมรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) นอกจากนี้ยังมองว่าธุรกิจที่สามารถต่อยอดได้จากการท่องเที่ยวยังมีอีกเป็นจำนวนมาก เช่น ธุรกิจการจัดการประชุม-สัมมนา ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพเพียงพอที่พร้อมจะรองรับการประชุมระดับนานาชาติ ซึ่งไทยได้ถือโอกาสจัดงาน World Economic Forum ครั้งต่อไปที่กรุงเทพฯ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าพัฒนาการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยให้แต่ละจังหวัดพัฒนาจุดเด่นของแต่ละจังหวัด รวมทั้งรัฐบาลจะส่งเสริมการสร้างรายได้ระดับชุมชนผ่านทางกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับชุมชนอีกทาง
ส่วนกรณีที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยยังไม่ยกเลิกคำเตือนพลเมืองให้ระวังการก่อการร้ายในประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างประสานกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ยืนยันว่าสหรัฐฯ เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี และหลายประเทศได้ยกเลิกคำเตือนไปบ้างแล้ว พร้อมหวังว่าในเร็วๆ นี้หลายประเทศจะยกเลิกคำเตือนดังกล่าวในไทย