ยูโรสแต็ทเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในกลุ่มยูโรโซนเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 10.4% แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนพ.ย. แต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานในภูมิภาคนี้ทรุดตัวลง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดและวิกฤตหนี้สาธารณะที่รุนแรงยิ่งขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานตัวเลขจากยูโรสแต็ท ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติกลางแห่งสหภาพยุโรป (อียู) ว่าตัวเลขว่างงานดังกล่าวนับว่าแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการรวมกลุ่มสกุลเงินยูโรเมื่อต้นปี 2542 เลยทีเดียว โดยสูงกว่าปี 2553 ซึ่งมีตัวเลขว่างงาน 10.0%
ส่วนอัตราการว่างงานของ 27 ชาติกลุ่มสหภาพยุโรปอยู่ที่ 9.9% สูงกว่าปีก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ที่ 9.6%
ยูโรสแต็ทยังประเมินว่า ในเดือนธ.ค.ชายและหญิง 23.816 ล้านคนในอียูไม่มีงานทำ โดย 16.469 ล้านคนในจำนวนนี้อยู่ในประเทศกลุ่มยูโรโซน
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพ.ย.พบว่า จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นคนในอียู และ 2 หมื่นคนในยูโรโซน และเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 พบว่า อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น 9.23 แสนคนในอียู และ 7.51 แสนคนในยูโรโซน
สำหรับอัตราการว่างงานต่ำที่สุดอยู่ที่ออสเตรีย ที่ 4.1% ส่วนสูงสุดอยู่ที่สเปนที่ 22.9% ในเดือนธ.ค.
สถานการณ์การจ้างงานในยุโรปนับว่ายังคงเลวร้ายกว่าในสหรัฐและญี่ปุ่น โดยในเดือนธ.ค.ในสหรัฐมีผู้ว่างงานคิดเป็น 8.5% ส่วนในเดือนพ.ย.ญี่ปุ่นมีอัตราว่างงาน 4.5%