น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ขอหมายเลขพิเศษมายัง กสทช. คือ 192 สำหรับการจัดทำหมายเลขฉุกเฉินแห่งชาติ เช่นเดียวกับหมายเลข 911 ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ต้องเป็นเลขหมาย 3 ตัวก็เพื่อง่ายต่อการจำ เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยมีเลขหมายพิเศษในลักษณะดังกล่าวมาก่อน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสรุปที่เลขหมายดังกล่าว แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หากเห็นว่ามีเลขหมายอื่นที่ดีกว่า ซึ่ง กสทช.พร้อมที่จะจัดสรรเลขหมายให้อยู่แล้ว
สำหรับการดำเนินการจัดทำหมายเลขฉุกเฉินครั้งนี้มีกระทรวงไอซีทีเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยต้องทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานฉุกเฉิน (Emergency Service) ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้ตั้งเลขหมายดังกล่าวเป็นเลขหมายฉุกเฉินและสามารถโทรออกได้แม้ว่าจะไม่มีเงิน หรือ ไม่มีซิมการ์ดก็ตาม ทั้งนี้ ในต่างประเทศสามารถโทรเลขหมายดังกล่าวได้ไม่ว่ากรณีใดๆ โดยไม่ต้องมีซิมการ์ด หรือมีเครือข่ายมือถือของเจ้าหนึ่ง แต่ใช้อีกเจ้าหนึ่งอยู่ก็โทรได้เช่นกัน เพราะเป็นเบอร์พิเศษที่ต้องยกเว้นทุกกรณี
นอกจากนี้ กสทช.จะบรรจุเงื่อนไขดังกล่าวไว้ในใบอนุญาตให้บริการ (ไลเซ่นส์) เมื่อเลขหมายดังกล่าวถูกประกาศใช้ และสามารถใช้งบประมาณกองทุนบริการโทรคมนาคมทั่วถึง (ยูเอสโอ) ของกสทช. เพื่อดำเนินการจัดตั้งเลขหมายฉุกเฉินนี้ด้วย เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของบริการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วประเทศ
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที กล่าวว่า สิ่งที่ไอซีทีให้ความสำคัญในการเปิดเลขหมายฉุกเฉิน คือ ต้องสามารถให้บริการได้จริงและมีคุณภาพ คือ ต้องโทรติดทันที และสามารถไปยังจุดเกิดเหตุได้เร็ว ซึ่งจะนำปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจากบริการที่ผ่านมาเช่น หมายเลข 1111 คอลเซ็นเตอร์ภาครัฐ ที่ได้รับการร้องเรียนว่าโทรติดยากในช่วงน้ำท่วมใหญ่อย่างเช่นที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องประสานงานรอบด้าน จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาเมื่อเปิดให้บริการจริง