นายยูวัล สเตนนิซ รมว.ต่างประเทศของอิสราเอลกล่าวว่า การที่สมาคมการสื่อสารโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) ตัดขาดธนาคารอิหร่านที่ถูกขึ้นบัญชีดำออกจากระบบธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกนั้น อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจอิหร่านล่มสลาย
"เศรษฐกิจยุคใหม่ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้หากปราศจากระบบการชำระบัญชีระหว่างประเทศ การที่อิหร่านถูกตัดขาดจาก SWIFT จะส่งผลให้สถาบันการเงินของอิหร่านประสบความยากลำบากในการโอนเงินรายได้จากการขายน้ำมันไปยังต่างประเทศ" นายสเตนนิซกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุกองทัพบกของอิสราเอล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า SWIFT ได้ประกาศตัดขานสถาบันการเงิน 30 แห่งของอิหร่านออกจากระบบธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ตามมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (อียู) ขณะที่นายลาซาโร แคมปอส ซีอีโอของ SWIFT กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการคว่ำบาตรทางการเงินต่ออิหร่าน
อย่างไรก็ตาม นายสเตนนิซยังไม่มั่นใจว่า การดำเนินการดังกล่าวจะสามารถยับยั้งอิหร่านจากการยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ได้หรือไม่
ขณะที่นายเดวิด โคเฮน รมช.คลังฝ่ายต่อต้านการก่อการร้ายและข่าวกรองการเงินของสหรัฐกล่าวว่า การตัดสินใจของ SWIFT สะท้อนให้เห็นว่า นานาประเทศเห็นพ้องกันถึงความเป็นจำเป็นในการเพิ่มแรงกดดันเพื่อโน้มน้าวให้อิหร่านแก้ปัญหานิวเคลียร์ที่ผิดกฏหมายซึ่งเป็นประเด็นที่นานาประเทศวิตกกังวล ว
อย่างไรก็ตาม อิหร่านยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์มีจุดประสงค์ในทางสันติ แม้ชาติตะวันตกพยายามกดดันให้อิหร่านยุติการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพื่อคลายความสงสัยเกี่ยวกับเจตนาในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านก็ตาม