นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแนวทางความร่วมมือที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตรระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศภาคเกษตร ปี พ.ศ.2556 — 2559 (ค.ศ.2013 — 2016) สำหรับกำหนดทิศทางในการดำเนินการเพื่อรองรับการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อภาคเกษตรของไทย รวมไปถึงการพัฒนาเกษตรสีเขียวผ่านความร่วมมือกับนานาประเทศในการร่วมรักษาระบบนิเวศของชั้นบรรยากาศของโลก
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้กำหนดไว้ 3 ประเด็น ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์การปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาขีดความสามารถภาคเกษตรในการเพิ่มศักยภาพและภูมิคุ้มกันด้านการรองรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลที่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการวางแผนการผลิต การระบาดของแมลงศัตรูพืช รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพันธุ์พืชและวิธีการผลิตให้สอดคล้องกับภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป
2) ยุทธศาสตร์การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร จะเน้นไปที่การถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การผลิตของประเทศเข้าสู่แนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร โดยจะเริ่มต้นในระบบการผลิตข้าว ซึ่งเป็นสินค้าหลักของไทยและทั่วโลกก็รู้จักข้าวจากประเทศไทยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ระบบดังกล่าวจะเน้นไปที่การลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในระบบการปลูกข้าว เน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับปรุงสภาพและคุณภาพของดิน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่สิ่งแวดล้อมประมาณ 10 ล้านตัน ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการลดการเผาตอซังในช่วงการเตรียมพื้นที่เพื่อปลูกข้าวรอบใหม่ด้วย
และ 3) ยุทธศาสตร์การบริหารเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตร จะสร้างกลไกสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเกษตรในการรักษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ที่จะส่งผลไปถึงการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ภาคเกษตรมีศักยภาพในการปรับตัวโดยมีกลไกสนับสนุนการปรับตัวอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกับภาคอื่นๆ ผ่านเครือข่ายการเรียนรู้ที่มีภาครัฐและองค์กรเอกชนเป็นผู้สนับสนุนองค์ความรู้ในด้านที่เกี่ยวข้อง โดยจะบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมไปถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในระดับโลก อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของยุทธศาสตร์ฯ คือ มีการพัฒนา สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้เกี่ยวข้องได้ทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ โดยมีการจัดทำระบบฐานข้อมูลการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ตลอดจนมีระบบเตือนภัย และสร้างกลไกเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคเกษตร รวมทั้งมีการสนับสนุน ส่งเสริม ให้เกิดการปรับตัวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก "ประเทศนิวซีแลนด์ได้ดำเนินการเรื่องปรับระบบการผลิตสู่เกษตรคาร์บอนต่ำเพื่อรองรับปัญหาภาวะโลกร้อนมากว่า 12 ปีแล้ว ซึ่งจากประสบการณ์อันยาวนาน ประเทศนิวซีแลนด์มีความยินดีที่จะให้คำปรึกษาแนะนำแก่ประเทศไทย ถึงแนวทางการดำเนินงานที่ประเทศไทยได้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์เพื่อเป็นแผนปฏิบัติ ตลอดจนการศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นับว่าการหารือร่วมกันในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอีกขั้นหนึ่งในการยกระดับศักยภาพภาคเกษตรของไทยให้มีความสามารถในการรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่จะส่งผลต่อภาคเกษตรในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งยังเป็นการประกาศยืนยันตนเองให้นานาประเทศรู้ว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความตระหนักต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก" นายนิวัติ กล่าว